ไลบรารีแหล่งธุรกิจขนาดเล็ก

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า ถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและ แบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2559 พบว่า:

-  เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหลายรายระบุว่า มีรายได้ในช่วงวันหยุดในปี พ.ศ. 2559 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบเป็นปีต่อปี ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่ามีรายได้ลดลง เมื่อเทียบเป็นรายปี มีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทั้งสองกลุ่มอ้างว่าสภาวะทางเศรษฐกิจเป็นสาเหตุที่ทำให้รายได้มีการเปลี่ยนแปลง

-  หลังจากการมีความวิตกกังวลด้านเศรษฐกิจของประเทศต่อเนื่องกัน 5 ไตรมาส พบว่าความมั่นใจของผู้บริโภคลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี พ.ศ. 2559 แต่อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และอัตราการจ้างงานรวมไปถึงการกระบวนการรักษาพนักงานที่มีความสามารถ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น

-  เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของท้องถิ่นเพิ่มขึ้นและคาดหวังผลกำไรจากการค้ามากขึ้นในปี พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ มีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในอัตราที่มากขึ้น วางแผนจะเพิ่มความสามารถด้านการตลาดโดยเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์

คลิกที่นี่ เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2559 ฉบับเต็ม

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า ถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและ แบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2559 พบว่า:

-  การยอมรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้พุ่งสู่ระดับสูงในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความต้องการของใช้งานบัตรของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ความเร็วในการให้บริการ ความสะดวกในการใช้งานเป็นสำคัญ ดูเหมือนว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มการยอมรับบัตรต่างๆ เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าธุรกิจขนาดอื่นๆ สถาบันการเงินอาจต้องการที่จะรักษาและเพิ่มช่องทางในการให้ความรู้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ ให้รู้ถึงข้อดีของการยอมรับบัตร

-  ผลสำรวจชี้ว่า ถึงแม้รายได้และกำไรจะลดลง แต่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยังคงมีความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อบ้างก็ตาม

-  ธุรกิจขนาดเล็กระบุว่า มีแผนที่จะกู้ยืมเงินลดลงในระยะอันใกล้นี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ผลการสำรวจได้บ่งชี้ถึงความพอใจที่มากขึ้นในเรื่องกระแสเงินสดและความพยายามในการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ที่มีแผนที่จะจำกัดเงินทุน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มการลดลงของอุปสงค์ในการกู้ยืม ซึ่งสถาบันการเงินอาจจะต้องนำไปพิจารณาในการกำหนดกลยุทธ์ของตนเอง

-  เจ้าของธุรกิจได้ระบุถึงการให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับการตลาดและโฆษณาในช่วงไม่นานมานี้ และยังระบุอีกว่าการตลาดและโฆษณาในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน

คลิกที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2559 ฉบับเต็ม

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า ถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและแบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2559 พบว่า:

-  ในไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2559 เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแสดงความพึงพอใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆของธุรกิจด้วยบัตรหลายๆประเภท

-  ข้อมูลชุดใหม่บ่งชี้ว่า Amazon อยู่ในกลุ่มซัพพลายเออร์รายใหญ่สุดของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดจากหลายอุตสาหกรรม โดยข้อมูลระบุว่าความวิตกกังวลเกี่ยวกับการมองหาซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพได้ปรับตัวลดลง แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่า การที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กใช้บัตรต่างๆ เพิ่มขึ้นอาจเป็นผลมาจากมูลค่าที่เจ้าของธุรกิจค้นพบจากซัพพลายเออร์ออนไลน์ ซึ่งบัตรต่างๆ เป็นวิธีการชำระเงินที่ใช้กันมากที่สุด

-  การตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพนักงานบ่งชี้ถึงความต้องการที่ตรงกันข้าม:

    - โดยรวมแล้ว จำนวนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มีความกังวลเกี่ยวกับการว่าจ้างและการรักษาพนักงานมีอัตราลดลง รวมไปถึงแผนที่จะเพิ่มค่าจ้างก็ให้แก่พนักงานก็ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กคิดว่าการว่าจ้างมีความท้าทายเพิ่มขึ้นหรือไม่เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2558 เกือบหนึ่งส่วนสี่ตอบว่า ใช่ และผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากแก้ปัญหานี้ด้วยการเสนอค่าจ้างที่สูงกว่าและให้สวัสดิการที่ดีขึ้น

 คลิกที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็ก ประจำไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2559 ฉบับเต็ม

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็ก ถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและแบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2558 พบว่า:

• เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแสดงความมั่นใจต่อการเติบโตในระยะสั้นในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระบุว่า มีแผนที่จะเพิ่มค่าจ้างให้กับพนักงาน เพิ่มระดับสินค้าคงคลัง ลงทุนเพิ่ม และเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณา/การตลาด

• ในขณะเดียวกัน เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยังมีแผนที่จะสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวในระดับที่คาดหวังไว้ ด้วยการกู้ยืมเงิน นอกจากนี้ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยังมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เงื่อนไขการชำระเงิน และอัตราเงินเฟ้อ

• มีการระบุว่า ค่าธรรมเนียมที่ลดลงและสิทธิพิเศษต่างๆที่มีมากขึ้นเป็นเหตุผลที่สำคัญในการเพิ่มอัตราการใช้บัตร และอาจจะช่วยผลักดันให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมีแนวความคิดที่เป็นบวกเกี่ยวกับธนาคารของตนเองเพิ่มมากขึ้นด้วย

คลิก ที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2558 ฉบับเต็ม

21/09/2558 จาก Visa Business

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่าถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและแบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2558 พบว่า:

-  ในขณะที่มุมมองที่เป็นบวกโดยรวมเกี่ยวกับเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง ความเชื่อมั่นอาจจะยังคงที่เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการดึงดูดลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น การบริหารกระแสเงินสด และการคงอยู่ในธุรกิจต่อไป

-  เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหลายรายมีแผนที่จะลงทุนในเครื่องมืออัตโนมัติเกี่ยวกับอีเมลและโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า การตลาดดิจิทัลกำลังจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์การตลาดของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก

-  เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กอาจจะกำลังมองหาหนทางในการเพิ่มบัตรเครดิตที่มีความน่าเชื่อถือเข้ามาในฐานะแหล่งเงินทุน แต่อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะมีความกังวลว่า วงเงินสูงสุดของบัตรเครดิตที่ไม่เพียงพออาจจะเป็นอุปสรรคในการใช้บัตรมากขึ้น

คลิกที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2558 ฉบับเต็ม

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็ก ถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและแบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2558 พบว่า:

-  เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแสดงความมั่นใจต่อการเติบโตในระยะสั้นในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระบุว่า มีแผนที่จะเพิ่มค่าจ้างให้กับพนักงาน เพิ่มระดับสินค้าคงคลัง ลงทุนเพิ่ม และเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณา/การตลาด

-  ในขณะเดียวกัน เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยังมีแผนที่จะสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวในระดับที่คาดหวังไว้ ด้วยการกู้ยืมเงิน นอกจากนี้ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยังมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เงื่อนไขการชำระเงิน และอัตราเงินเฟ้อ

-  มีการระบุว่า ค่าธรรมเนียมที่ลดลงและสิทธิพิเศษต่างๆที่มีมากขึ้นเป็นเหตุผลที่สำคัญในการเพิ่มอัตราการใช้บัตร และอาจจะช่วยผลักดันให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมีแนวความคิดที่เป็นบวกเกี่ยวกับธนาคารของตนเองเพิ่มมากขึ้นด้วย

คลิก ที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2558 ฉบับเต็ม

21/09/2558 จาก Visa Business

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่าถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและแบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2557 พบว่า:

• เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กส่งสัญญาณถึงการมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นในหลายประเภท แต่ยังคงมีความวิตกกังวลในบางดัชนีชี้วัดที่สำคัญ เช่น อัตราเงินเฟ้อ
• นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการสำรวจที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กระบุว่า บัตรเครดิตเป็นรูปแบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเช็ค

คลิกที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2557 ฉบับเต็ม

26/03/2558 จาก Visa Business

ข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่าถูกเก็บรวบรวมมาจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสำหรับธุรกิจและแบบสำรวจประจำไตรมาส เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ให้บริการแก่ธุรกิจขนาดเล็ก จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบุในจดหมายข่าวประจำไตรมาสนี้

ผลการสำรวจประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2557 พบว่า:

• ทัศนะคติของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแสดงให้เห็นว่า มีความระมัดระวังในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยทั่วไป รวมไปถึงตระหนักเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
• บัตรยังคงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสดและเช็ค โดยเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า

คลิกที่นี่เพื่อดูรายงานข้อมูลเชิงลึกการใช้จ่ายของธุรกิจวีซ่าขนาดเล็กประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2557 ฉบับเต็ม

11/01/2558 จาก Visa Business

ความหลากหลาย: องค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพสูง

โพสต์ในบล็อกนี้เขียนเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมประจำเดือนพฤศจิกายน เรื่องความหลากหลายในธุรกิจขนาดเล็ก ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ทีมที่มีประสิทธิภาพสูง ระบุได้จากการดำเนินงานโดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน เป้าหมายร่วมกัน เคารพซึ่งกันและกัน ไว้วางใจกัน และมีความทุ่มเท ทีมที่มีประสิทธิภาพสูง พัฒนามากขึ้นจากการที่แค่มีส่วนร่วมไปสู่การร่วมมือกันซึ่งสมาชิกในทีมจะทำงานประสานงานกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยการใช้ประโยชน์จากความสามารถ ความรู้ และศักยภาพเฉพาะของแต่ละบุคคลในระดับสูงสุด

เพื่อให้เป็นทีมที่มีประสิทธิภาพสูง คนในทีมจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น 4 ประการดังต่อไปนี้

• การสื่อสาร
• การแบ่งปัน
• ความร่วมมือ
• ความยืดหยุ่น

คุณลักษณะทั้ง 4 ประการนี้มีวิวัฒนาการมาจากทักษะความเป็นผู้นำ นำไปสู่การสร้างทีมที่มีสมาชิกที่ไว้ใจซึ่งกันและกัน เคารพซึ่งกันและกัน ทุ่มเทให้กับวัตถุประสงค์ร่วมกันของทีม และเข้าใจว่าจะทำอะไร อย่างไร เมื่อไหร่ ที่ไหน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทีม เมื่อทีมของคุณแสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะของทีมที่มีประสิทธิภาพสูงทั้ง 4 ประการนี้ ทีมก็จะมีประสิทธิภาพและผลิตภาพยิ่งขึ้น ความขัดแย้งจะลดลงและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นบวก รวมไปถึงสามารถวัดและประเมินผลได้

ทีมที่มีประสิทธิภาพสูง จะเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพนักงานและบริษัท ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังลูกค้า นักลงทุน คู่ค้าทางธุรกิจ และผู้ถือผลประโยชน์รายสำคัญอื่นๆ ผ่านทางการพัฒนาประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลิตภาพ และผลลัพธ์

ทีมที่มีความหลากหลายคือทีมที่แข็งแกร่ง

พิจารณาคำนิยามของคำว่าทีมที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ทีมทำงานได้ในระดับที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สมาชิกต้องตั้งวัตถุประสงค์ และร่วมกันทุ่มเททำให้มันสำเร็จ แต่อย่างไรก็ดี นั่นไม่ได้หมายความว่าทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างที่ว่า จะเป็นทีมของกลุ่มชายล้วน หรือ หญิงล้วน "แต่เพียงอย่างเดียว" แต่หมายถึงสมาชิกในทีมให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ขององค์กรเหนือกว่าวัตถุประสงค์ส่วนบุคคล และทำงานร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยองค์กรอย่างมุ่งมั่นและชัดเจน

อย่าลืมว่า ทีมที่มีประสิทธิภาพสูง ต้องสื่อสารกันอย่างเปิดเผย ส่งเสริมการขัดแย้งกันในเชิงสร้างสรรค์ เคารพซึ่งกันและกัน ไว้ใจ เต็มใจที่จะรับฟังความเห็นของผู้อื่นเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีกว่าร่วมกัน ทีมที่ประกอบไปด้วยทั้ง" yes "เพศหญิงและเพศชายจะไม่สามารถทำงานในระดับประสิทธิภาพสูงสุดได้ หากไม่มีการขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์หรือการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ในกรณีที่ทุกคนไม่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง และเห็นด้วยกันตลอดเวลา

ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ความรู้แตกต่างกัน สไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน และแนวความคิดที่แตกต่างกัน ทีมที่มีผู้นำที่ยึดแต่หลักความคิดของตัวเองจะไม่สามารถทำงานในระดับสูงสุดได้ เช่นเดียวกับทีมที่ประกอบไปด้วยบุคคลที่ล้วนแล้วมีแต่ความเชี่ยวชาญในเรื่องเดียวกันเพียงเท่านั้น เนื่องจากทีมจะถูกบังคับให้เดินตามวิสัยทัศน์ของคนเพียงคนเดียว โดยที่ไม่มีมุมมองที่แตกต่างหรือขัดแย้ง ในทีมเหล่านี้ มักจะไม่พบนวัตกรรมใหม่ๆ ในการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์จะถูกปิดกั้น แนวคิดใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่ความได้เปรียบทางธุรกิจก็จะไม่เกิดขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ทีมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจะต้องพัฒนามาจากกลุ่มที่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีความหลากหลาย นี่คือวิธีเดียวที่จะการันตีได้ว่า ผลงานของทีมจะออกมาดีที่สุดเท่าที่เป็นได้

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงความคิดเห็นในที่นี้เป็นของผู้เขียนดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพจนี้จะแนะนำธีมใหม่ทุกเดือน ซึ่งจะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราได้ที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

30/09/2556 จากนักธุรกิจหญิง

4 เหตุผลที่ทีมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดำเนินธุรกิจได้ดีกว่า

บล็อกนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมในเดือนกันยายน ซึ่งเน้นความหลากหลายของธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถนำไปปรับใช้สำหรับการดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉันเปลี่ยนจากการเป็นผู้ประกอบการรายเดี่ยว (หรือเรียกง่ายๆว่า ผู้ประกอบการที่เหนื่อยสุดๆ กับการที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง) จนกลายเป็น"ผู้ประกอบการที่มีสุดยอดทีม ที่รวมๆแล้วมีความสามารถมากกว่าฉันเสียอีก" เพราะฉะนั้น ฉันจึงเข้าใจถึงพลังของการมีทีมที่มีความสมดุลครบทุกด้าน

พูดตรงๆ ก็คือ มันเป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมในฐานะของผู้ประกอบการ เราจึงจ้างพนักงานมาเติมเต็มในส่วนที่เราขาด เพื่อให้เราเน้นไปทำสิ่งที่เราถนัดได้ โดยเติมเต็มซึ่งกันและกัน เราจึงกลายเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพสูงเลยก็ว่าได้

ว่าแต่ว่า จะต้องทำอย่างไร จึงจะมีทีมที่มีความสมดุลจากกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย?

ฉันเคยได้เกียรติร่วมงานกับทีมและฟรีแลนซ์จากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ฉันเรียนรู้หลายสิ่ง และได้เข้าใจในการกระทำของตัวเองดีขึ้น รวมไปถึงวิธีที่ฉันปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา

บ่อยครั้งที่เราไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างทีมที่เน้นความหลากหลายของสมาชิก แต่จริงๆแล้ว มันมีหลายเหตุผลว่าทำไมคุณถึงควรมองหาทีมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตอนนี้และอนาคต นอกจากข้อดีของการมีทีมที่มีความหลากหลายแล้ว ฉันอยากบอกวิธีที่ฉันใช้ในการทำงานร่วมกับทีมของฉัน และการขยายทีมไปยังทั่วโลกให้ง่ายยิ่งขึ้น

ความหลากหลายทางวัฒนธรรมคืออะไร

ก่อนที่จะลงลึกไปในเรื่องต่างๆ เรามาเริ่มก่อนเลยว่า ความหลากหลายทางวัฒนธรรม มันคืออะไรกันแน่ โดยนิยามของมัน ความหลากหลายทางวัฒนธรรมหมายถึงชุมชนที่มีหลายเชื้อชาติ ชนชาติ สัญชาติ ศาสนา และเพศวิถี

สำหรับสถานที่ทำงาน อาจจะหมายถึงการที่คุณมีสมาชิกทีมที่มาจากแอฟริกา แคนาดา และนิวซีแลนด์ บางคนอาจจะนับถือศาสนาพุทธ คาทอลิก หรือเป็นผู้ที่ไม่นับถือศาสนาไดเลยก็ตาม คุณสามารถมีทีมที่เป็นคนผิวสี คนผิวขาว หรือชาวสีม่วง (ซึ่งคุณไม่อาจทราบก็ได้!) แม้ว่าจะเป็นเกย์ หรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คุณจะไม่แบ่งแยกและตัดสินในสิ่งที่เขาเป็น และเปิดประตูต้อนรับคนทุกรูปแบบเข้ามาอยู่ในทีมของคุณ

หากในปัจจุบันคุณเจาะจง หรือโดยบังเอิญ มีสมาชิกในทีมที่มีแต่เพศและเชื้อชาติเดียวกัน คุณกำลังพลาดข้อดีที่ยิ่งใหญ่ของการมีทีมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ข้อดีที่ว่า มีอะไรบ้าง? มาลองดูกัน

ข้อดีของความหลากหลายทางวัฒนธรรม

หากคุณเคยได้ยินประโยคจากหนังสือTo Kill a Mockingbird ที่ว่า "คุณจะไม่เข้าใจคนๆ หนึ่งจนกว่าคุณจะได้พิจารณาสิ่งต่างๆ จากมุมมองของเขา" คุณอาจจะเดาได้ว่าฉันจะพูดอะไรต่อ เมื่อคุณก่อตั้งธุรกิจของคุณ คุณจะต้องการที่จะดึงดูดลูกค้าหลายๆ ประเภท ในจำนวนมากที่สุด แต่คุณจะทำได้อย่างไร หากคุณไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นมององค์กรของคุณอย่างไร

การทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมช่วยให้คุณได้รับความคิดเห็นจากคนที่มีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างไปจากคุณ ประสบการณ์ที่แตกต่างกันนี้ ช่วยจุดประกายแนวความคิดใหม่ๆ ส่งเสริมการเปิดกว้างทางความคิด และยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น โดยที่ไม่ตัดสินอดีตหรือความเป็นมาของเขา

ผลการศึกษาจากหลายหน่วยงาน ซึ่งรวมไปถึง VEOHRC และคณะกรรมาธิการยุโรปพบว่า การมีสถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลิตภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มีผลประกอบการที่ดีด้วย

ผลวิจัยออกมาดีต่อธุรกิจขนาดนี้ คุณยังจะรออะไรอยู่!

ผลการวิจัยดังกล่าวพบว่า ความหลากหลายช่วยยกระดับใน 3 เรื่องต่อไปนี้:

• การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ – ทีมที่มีความหลากหลายแล้วสามารถทำงานร่วมกันได้ดี มีแนวโน้มที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า เนื่องจากมีความเข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายได้ดีกว่า
• การปฏิบัติงาน – ยิ่งคุณทำให้ทีมมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมมากเท่านั้น ในกรณีนี้ อาจจะหมายถึงขนบธรรมเนียมประเพณี และวันหยุดตามเทศกาลและศาสนา การเรียนรู้ในความแตกต่างเหล่านี้ จะช่วยให้สมาชิกในทีมของคุณรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ และมีแนวโน้มที่จะลาออกจากงานที่น้อยลง อยากจะเป็นองค์กรที่พนักงานตั้งใจทำงานและลาออกน้อย? ใช่สิ! มันแน่นอนอยู่แล้ว!
• การตลาด – `แทบจะฟันธงได้เลยว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณประกอบไปด้วยกลุ่มคนมีความแตกต่างกันทางเพศศาสนาและความคิด ดังนั้นการแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของสมาชิกในองค์กรของคุณเอง จะทำให้ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ยิ่งทีมของคุณมีความหลากหลายมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายของคุณจะเห็นคุณค่าที่คุณมีมากขึ้น

ร่วมมือกันผ่านทาง Google Hangouts และ Skype

การประชุมร่วมกับทีมของคุณผ่านทางออนไลน์บ่อยขึ้นจึงมีความจำเป็น หากคุณต้องการที่จะได้รับแนวความคิดจากแต่ละคน การหารือเกี่ยวกับโครงการในอนาคต หรือทุกคนทำงานอะไรบ้างในสัปดาห์ที่ผ่านมา โชคดีที่มีเครื่องมือที่ดีเยี่ยมอย่าง Google Hangouts และ Skype คุณสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเลย เช่น

หากคุณต้องการโทรประชุมกลุ่ม Google Hangouts น่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด คุณสามารถแชร์หน้าจอ ส่งเอกสารหรือไฟล์ให้กับคนอื่นๆ ได้ และมองเห็นสมาชิกทุกคนบนหน้าจอ นี่ยังไม่รวมไปถึงลูกเล่นเล็กๆน้อยที่จะเพิ่มความสนุกให้กับการประชุมแถมยังได้ประโยชน์ทางธุรกิจด้วย เช่น วางเขาปีศาจและมงกุฎเจ้าหญิงบนหัวคุณเอง เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน Skype ยังมีฟีเจอร์การโทรในราคาประหยัด ดังนั้น หากคุณต้องการโทรหาคนในทีมของคุณที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็สามารถโทรได้ในอัตราค่าบริการที่ถูก หรือจะใช้เวอร์ชันฟรีและโทรแบบเห็นหน้ากันก็ได้

ทำความรู้จักกับเขตเวลาของคุณ

การทำงานในเขตเวลาที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณต้องบินรอบโลกเช่นเดียวกับฉัน อย่าลืมว่ากำลังอยู่ในเขตเวลาไหนและคิดเสมอว่าความแตกต่างของเวลาอาจทำให้การประสานงานยากขึ้น

จนถึงตอนนี้ เครื่องมือออนไลน์ที่ดีที่สุดที่ฉันค้นพบก็คือ WorldTimeBuddy.com บริการนี้ฟรี คุณสามารถเลือกเขตเวลาที่แตกต่างกันได้ถึง 4 ไทม์โซน แค่เลื่อนหน้าจอลงมายังชั่วโมงของคุณ ก็จะเห็นว่าชั่วโมงนั้น ประเทศของสมาชิกในทีมของคุณเวลาท้องถิ่นเป็นกี่โมง

หากคุณต้องการจะแชร์สิ่งนี้กับทีมของคุณ คุณสามารถคลิกที่ตัวเลือก"Link This View" และส่งอีเมลแคปเจอร์หน้าจอไทม์โซน และไฮไลท์เวลาที่ต้องการประชุมให้กับทั้งทีมของคุณ

อีกเครื่องมือหนึ่งที่เหมาะกับการจัดประชุมเป็นอย่างมาก คือ timeanddate.com/meetings เครื่องมือนี้สามารถตรวจสอบว่าเวลาไหนที่ดีที่สุดสำหรับการโทร นัดประชุมทีม และอื่นๆ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาของฉันได้อย่างยิ่ง

แชร์เอกสารไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

คุณสามารถจัดลำดับงานของคุณ จัดการประชุม และทั้งหมดนี้ในเขตเวลาที่เหมาะสมได้ แต่หากว่าคุณต้องการจะแชร์เอกสารล่ะ จะต้องทำอย่างไร? Dropbox และ Google Drive ช่วยให้การแชร์ไฟล์รูปภาพ สื่อ และเอกสารทำได้ง่ายขึ้น

Google Drive ไม่คิดค่าบริการสำหรับทุกคนที่ใช้บัญชี Gmail คุณสามารถสร้างโฟลเดอร์ โฟลเดอร์ย่อย และเอกสารได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel, PowerPoint และอื่นๆ คุณสามารถร่วมแบ่งปันทุกสิ่งที่ต้องการได้และสามารถเลือกระดับการเข้าถึงบางไฟล์ได้

หากคุณต้องการให้ทีมของคุณสามารถแก้ไขเอกสารได้ ก็สามารถตั้งค่าการแก้ไขสำหรับทีมคุณได้ หรือคุณสามารถที่จะกำหนดให้เอกสารเป็นแบบ Read-Only เท่านั้นก็ได้

ในทำนองเดียวกัน Dropbox ให้คุณใช้งานพื้นที่ข้อมูลบนระบบคลาวด์ได้ฟรีสูงถึง 16GB ในการเก็บไฟล์ PDF หรือไฟล์สื่อต่างๆ ใน Dropbox คุณสามารถลิงก์ไปเฉพาะบางเอกสารกับทีมของคุณได้ หรือแม้กระทั่งบุคคลอื่นที่คุณต้องการได้

คุณจะเห็นได้ว่า การมีทีมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่กำลังขยายตัวของคุณได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อ กาสร้างทีมที่มีสมาชิกที่นำเสนอมุมมอง ประสบการณ์ และความรู้ที่แตกต่างกัน จะช่วยให้คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้

การทำให้คนในทีมซึ่งอยู่ต่างสถานที่ ได้รู้ถึงสถานะความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆกัน จะไม่ยากอีกต่อไป หากคุณนำเอาเครื่องมือที่ระบุที่ด้านบนมาใช้ในการทำงาน แค่นี้คุณและทีมก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อมอบในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการจริงๆ ได้

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพจนี้จะแนะนำธีมใหม่ทุกเดือน ซึ่งจะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราได้ที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

ความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นเรื่องยาก…แต่ก็คุ้มค่า!

บล็อกนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมในเดือนกันยายน ซึ่งเน้นความหลากหลายของธุรกิจขนาดเล็ก ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

วัฒนธรรมเป็นกรอบการทำงานด้านการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็น คำพูด การกระทำ ท่าทาง ลักษณะ น้ำเสียง การแสดงออกทางสีหน้า การบริหารเวลา พื้นที่ วัสดุอุปกรณ์ และวิถีที่บุคคล ทำงาน เล่น มีความรัก และปกป้องตนเอง สิ่งทั้งหมดนี้ เป็นระบบการสื่อสารองค์รวม ซึ่งจะสามารถถูกแปลความหมายได้ ก็ต่อเมื่อคุณคุ้นเคยกับพฤติกรรมในบริบททางประวัติศาสตร์และสังคมของวัฒนธรรมนั้นๆ

                            –Edward T. Hall

ในขณะที่ทำงานเพื่อเตรียมเปิดตัวเว็บไซต์อีกรอบในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ทีมของฉันและฉันได้เรียนรู้จากประสบการณ์เกี่ยวกับข้อดีของทีมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แนวความคิดที่แตกต่างกันที่เกิดจากความแตกต่างกันทางวัฒนธรรมช่วยให้เกิดความคมชัด ความชัดเจน และส่งเสริมการสื่อสารของแบรนด์รวมไปถึงธุรกิจของเรา แต่ผลประโยชน์เหล่านั้นไม่ได้มาโดยง่าย…

ความจริงคือ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในทีมผู้ประกอบการของคุณสามารถเป็นได้ทั้งแหล่งทรัพยากรที่มีค่าหรือหนี้สินที่ควบคุมไม่ได้ ขึ้นอยู่กับทัศนคติ กระบวนทัศน์ และความยืดหยุ่นของผู้ที่เกี่ยวข้อง

มนุษย์เรามักจะรับรู้เกี่ยวกับโลกผ่านทาง"โครงสร้างทางความรู้"หรือประเภทของความรู้ที่เคยรู้มาก่อน โดยทั่วไป เรามักจะรู้สึกเป็นกลางเกี่ยวกับมุมมองของเราเอง ความจริงแล้ว มันเป็นแค่หนึ่งในหลายๆมุมมองที่เป็นไปได้ และจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับมุมมองนั้นในแบบกว้างๆตามสัญชาตญาณ และเป็นหลักฐานความที่ปรากฎเท่านั้น และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เรามีปัญหาในการสื่อสารกับวัฒนธรรมอื่นๆ โดยส่วนใหญ่เรามีแนวโน้มที่จะมีมุมมองต่อความขัดแย้งว่าเป็นปฏิปักษ์หรือภัยคุกคามโดยไม่คิดให้รอบคอบ

เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการควรคิดให้รอบคอบทุกครั้ง ผู้ประกอบการที่แท้จริง จะต้องมีความคิดแบบเปิด มีความสงสัยใคร่รู้ มีนวัตกรรม และวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในทุกสถานการณ์

ความหลากหลายทางวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องง่าย…

จากประสบการณ์ของเรา เราได้สรุปแนวทางสำหรับการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับวิสัยทัศน์และธุรกิจของคุณขึ้นไปอีกขั้น:

1. มีส่วนร่วมอย่างเข้าใจผู้อื่น

การกระทำที่เป็นการสร้างสรรค์คือการแสดงออกถึงตัวเราอย่างแท้จริง ใครก็ตามที่เคยแบ่งปันแรงบันดาลใจเชิงสร้างสรรค์ของตนเองต่อสาธารณะจะเข้าดีว่าเรื่องนี้เป็นความจริง นอกจากนี้แล้ว โดยธรรมชาติคนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบ และมีวิธีการจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว

สิ่งสำคัญก็คือ ควรรู้ตัวเองโดยตระหนักถึงความรู้สึกและอารมณ์เมื่อร่วมงานกับคนอื่นที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากเรา โดยปกติ ความรู้สึกเหล่านี้จะอยู่ในรูปแบบของการตระหนักถึงภัยคุกคามหรือการข่มขู่ และพฤติกรรมที่มาจากความรู้สึกเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อต้านและการขาดความรู้

Rogers และ Steinfatt ผู้ประพันธ์หนังสือ Intercultural Communication ระบุว่า "การเข้าใจบทบาทหน้าที่ของผู้อื่น (เห็นอกเห็นใจผู้อื่น) มักจะนำไปสู่การรับรู้สถานการณ์สำคัญที่แตกต่างกัน" ด้วยประสบการณ์ตรงของฉัน ทำให้ฉันรู้ว่า ความเข้าใจผู้อื่น เป็นเครื่องมือที่ดีในการทำให้เห็นมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งเป็นการแก้ไขความขัดแย้งทางวัฒนธรรมที่มีประสิทธิภาพ ความยากของเรื่องนี้อยู่ที่ จะเข้าอกเข้าใจคนอื่นได้อย่างไร

การเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็คือการฝึกจินตนาการถึงประสบการณ์ที่ผู้อื่นพบเจอ จงเปิดใจให้กว้างกับสิ่งที่คุณจะรับฟัง และพยายามคิดว่า ความตั้งใจของบุคคลอื่นก็เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์และมีเจตนาที่ดีเช่นเดียวกับคุณ จำไว้ว่าหากวันใดสถานการณ์กลับกัน คุณก็คงหวังว่าผู้อื่นก็จะเปิดใจกว้างให้กับคุณเช่นกัน

2. รับมือกับผู้ที่ไม่เห็นด้วย

ในระหว่างการเตรียมงานเปิดตัวของเรา ทีมของฉันและตัวฉัน ใช้เวลาช่วงวันหยุดที่แสนจะทรมานตัดสินใจเกี่ยวกับข้อความในหน้าแรกของโฆษณาใหม่ เรา 4 คนทำงานมากกว่า 12 ชั่วโมง ในการเขียนข้อความเพียง 171 ตัวอักษร! แต่ที่น่าหงุดหงิดกว่านั้น คือความจริงที่ว่า 3 ใน 4 เห็นด้วยกับไอเดียตั้งต้น (ที่คิดได้ในชั่วโมงแรก) และต้องการจะเริ่มทำงานในขั้นตอนต่อไป แต่หนึ่งคนในกลุ่มของเราไม่เห็นด้วยอย่างแรง

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เราไม่ควรเปลี่ยนไอเดียนี้ เพราะถ้าเราสามารถทำได้ตามที่คิดในข้อความโฆษณาแรก เพื่อนร่วมทีมของเราก็คงไม่ต้องพบเจอปัญหา เรารู้ว่าเราสามารถคิดไอเดียที่ดีมากกว่านี้ได้ แต่เราก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เร่งรีบ และทำงานไม่ทันเวลา ทำไมเราไม่คิดซะว่าไอเดียนั้นดีแล้ว จะได้เริ่มทำงานในส่วนอื่นๆต่อล่ะ?

แต่ในที่สุด เราก็ไม่ได้เดินหน้าต่อ (จนกว่าทุกคนจะมีมติเป็นเอกฉันท์) เนื่องจากเราตระหนักดีว่าในฐานะที่เป็นสมาชิกทีม บุคคลที่ไม่เห็นด้วยก็ทำให้ประเด็นสำคัญบางอย่าง เราทำงานต่อไปอีก 12 ชั่วโมงในการระดมสมอง การพูดคุยกันเป็นไปอย่างเผ็ดร้อนและเกือบจะดุเดือด จนกระทั่งไอเดียสุดท้าย (ไอเดียที่ทุกคนมีความเห็นตรงกัน) เกิดขึ้นมาจากผลของการถกเถียงบนข้อขัดแย้งนั้น มันเป็นไอเดียที่สมบูรณ์แบบ โดยมีความยาวเนื้อหาที่พอเหมาะ และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงประเด็น เราดีใจกันมากที่รู้ว่าเราได้ผลักดันให้มันผ่านไปได้ด้วยดีและนำไปสู่การต่อยอดสิ่งอื่นๆ

และนี่แหละคือคุณค่าของทีมที่มีผู้ประกอบการที่หลากหลาย: ซึ่งความหลากหลายนั้นมักจะมาพร้อมกับความขัดแย้งเสมอ ในการรับมือกับความขัดแย้ง จะทำให้คุณจะได้เห็นถึงมุมมองใหม่อีกขั้น รวมทั้งสามารถบรรลุไอเดียที่ต้องการสื่อสารของคุณได้ แต่ถ้าคุณมองว่า ความขัดแย้งเป็นปฏิปักษ์และคุกคามความคิดของคุณ นั่นคือคุณได้ตัดขาดตัวเองออกไปจากการเปิดรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นหัวใจของการเป็นนักธุรกิจ ทั้งเวลาที่เพิ่มมากขึ้น งาน หรือความหงุดหงิดที่ตามมาจากเสียงคัดค้านจากสมาชิกของเรา แต่นั่นทำให้เราได้ตระหนักและรับมือกับคุณค่าของมุมมองต่างๆ และนำมาซึ่งมุมมองที่ดียิ่งกว่า

3. การที่คนๆ นึงไม่สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ได้มีไอเดียที่ดีอยู่ในหัว

นอกจากการมีอิทธิพลต่อมุมมองของเราแล้ว วัฒนธรรมยังเป็นตัวกำหนดวิธีการสื่อสารแนวความคิดของเรากับคนอื่นๆ อีกด้วย มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดที่นำเสนอออกมาได้ไม่ดี แต่ทักษะการสื่อสารคนแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน การที่บุคคลหนึ่งๆ นำเสนอผลงานได้ไม่ดี นั้นไม่ได้หมายความว่า คนๆ นั้นจะไม่มีส่วนช่วยในงานนั้น

ฉันเพิ่งเจอเหตุการณ์นี้เมื่อไม่นานมานี้ ที่งาน Startup Weekend Terrence ที่ฉันได้เข้าร่วม จุดประสงค์ของงานคือเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจหน้าใหม่และ โอกาสในการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ประกอบการ/ผู้เชี่ยวชาญ ในการเริ่มก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพของตนเอง โดยแต่ละคนจะได้รับโอกาสในการนำเสนอแนวความคิดของตนเองเพื่อให้คนอื่นๆ โหวต และคนที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจะได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนและทีมงานผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยเริ่มกิจการ

การนำเสนอของแต่ละกลุ่มแตกต่างกันอย่างมาก แต่เราจะสังเกตได้ทันทีว่า ไอเดียที่นำเสนอดีที่สุดจะได้รับคะแนนโหวต/ความสนใจมากที่สุด ในขณะที่ไอเดียที่ดีที่สุดบางไอเดียถูกมองข้าม (ส่วนใหญ่เนื่องจากผู้ที่นำเสนอเป็นนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หรือผู้ที่มีทักษะพิเศษแต่ไม่ใช่นักการตลาดหรือนักพูดในที่สาธารณะ) เราตัดสินใจที่จะช่วยกันโหวตและ กำหนดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับบุคคลที่ไม่เก่งในเรื่องการนำเสนอแต่มีไอเดียที่น่าสนใจ เขาได้รับโอกาสให้ไปต่อสู่รอบถัดไป โดยอาทิตย์สุดท้าย เขาได้ขึ้นไปยืนอยู่อย่างโดดเด่นเหนือกว่าทุกคนในฐานะไอเดียสตาร์ทอัพที่ทำไปปฏิบัติจริงได้มากที่สุดจากไอเดียทั้งหมดตลอดทั้งสัปดาห์

เมื่อผู้คนจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันพูดคุยกันหรือปรึกษากัน สิ่งที่ได้จะถูกกลั่นกรองออกมาโดยอัตโนมัติผ่านทางทัศนคติต่างๆ ที่ได้เรียนรู้จากวัฒนธรรมของตนเอง

                                            – Rogers และ Steinfatt ผู้ประพันธ์หนังสือ Intercultural Communication

…แต่ก็คุ้มที่จะทำ!

ถึงแม้ว่าการเลือกทีมผู้ประกอบการของคุณบนพื้นฐานวิสัยทัศน์ร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ แต่การที่มีความเหมือนกันมากเกินไปก็เป็นจุดอ่อนในความสำเร็จของคุณได้เช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การทำงานภายในกลุ่มที่มีวัฒนธรรมเดียวกันจะช่วยให้การทำงานไหลลื่น รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในเชิงความคิดสร้างสรรค์ ก็มีแนวโน้มที่คุณภาพจะด้อยลงไปด้วย

การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความหลากหลายทางเชื้อชาติในทีมของคุณ การรับมือกับความเห็นที่ไม่ตรงกัน และการทำงานท่ามกลางความเห็นที่แตกต่าง จะทำให้คุณได้รับวิสัยทัศน์หรือไอเดียที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีความชัดเจนและได้รับการกลั่นกรองผ่านการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ การอดเปรี้ยวไว้กินหวานจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เชื่อสิ

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

24/09/2557 จาก The Mogul Mom

4 วิธีในการนำเอาขนบธรรมเนียมเชิงวัฒนธรรมมาสู่ที่ทำงาน

โพสต์ในบล็อกนี้เขียนเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมประจำเดือนพฤศจิกายน เรื่องความหลากหลายในธุรกิจขนาดเล็ก ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ในองค์กรการทำงานของชาวอเมริกันมีความหลากหลายมากขึ้นในแต่ละปี โดยสำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ คาดว่า ภายในปี พ.ศ. 2593 จะไม่มีชนกลุ่มน้อยภายในประเทศ และในระหว่างปี พ.ศ. 2543 - 2593 ผู้อพยพและบุตรจะมีสัดส่วนเป็น 83% ของกลุ่มประชากรวัยทำงาน แรงงานที่มาจากหลายวัฒนธรรมนี้หมายความว่า สำนักงานหลายแห่งจะถูกมอบหมายให้รับพนักงานที่มีพื้นเพและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกัน 4 วิธีต่อไปนี้คือการนำเอาขนบธรรมเนียมเชิงวัฒนธรรมมาสู่ที่องค์กรการทำงาน

แทนที่จะมองว่าความหลากหลายทางเชื้อชาติจะทำให้การทำงานยากขึ้น แต่ผู้นำธุรกิจที่ชาญฉลาดจะมองว่านี่คือโอกาสที่น่าตื่นเต้น เมื่อพนักงานทำงานร่วมกัน ทุกคนจะเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนอื่นๆ มากขึ้น และนำเอาประสบการณ์เฉพาะของตัวเองมาใช้ในแต่ละงาน ในการทำกิจกรรมร่วมกันภายในทีม หรือการสร้างทีม ทำให้คนในทีมสนิทสนมกัน ธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากกำลังใจในการทำงานที่สูงขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น

การรับประทานอาหารตามวัฒนธรรม

สมาชิกแต่ละคนของทีมของคุณต่างก็มีประเพณี ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองวันหยุดหรือการทานอาหารเย็นวันประจำอาทิตย์ ควรจัดให้มีช่วงนอกเวลางาน โดยให้พนักงานนำอาหารประจำถิ่นของตน ที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของแต่ละคน มายังที่ทำงาน แม้กระทั่งพนักงานที่เป็นชาวอเมริกัน ก็อาจจะนำอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคของตัวเองมายังที่ทำงาน ซึ่งจะทำให้พนักงานเห็นว่าแม้กระทั่งคนสองคนที่เติบโตขึ้นในเมืองเดียวกันก็อาจจะมีประเพณีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เฉลิมฉลองทุกเทศกาล

การประดับตกแต่งเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองของออฟฟิศที่มีมานาน แต่ถ้าเป็นเทศกาลวันหยุดอย่างวันฮานุกกะห์ วัน Kwanzaa หรือวันตรุษจีนล่ะ พนักงานบางส่วนอาจจะไม่ได้เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสเพราะความเชื่อทางศาสนาหรือพื้นเพของตน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดถึงเรื่องนี้ ในการจัดปาร์ตี้คริสต์มาสประจำปีของคุณ แต่อย่างไรก็ดี การเฉลิมฉลองคริสต์มาสถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและการผูกมิตรที่ดีเยี่ยม ดังนั้นอาจประนีประนอมหาทางเลือกในการเฉลิมฉลองแบบอื่นๆ ในขณะที่เพิ่มความสนุกสนานที่ทุกคนชอบร่วมกัน ก็อาจจะเป็นไอเดียที่ดี

จงเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น

ผู้นำทีมควรจะพยายามทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่นในองค์กร เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อปฏิสัมพันธ์กับพนักงานได้ดีขึ้น ในบางวัฒนธรรม เช่น การจับมือทำความรู้จัก อาจจะถูกมองต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงไม่เหมือนกับในสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นการได้เรียนรู้จะสามารถทำให้มองเห็นถึงความแตกต่างนี้ได้ เมื่อนายจ้างเคารพในความเชื่อและวัฒนธรรมของลูกจ้าง พนักงานคนอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม

เคารพในจิตวิญญาณ

ศาสนาและจิตวิญญาณสามารถเป็นเรื่องที่ซับซ้อนในสภาพแวดล้อมของธุรกิจได้ แต่ผู้นำธุรกิจก็สามารถผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้ด้วยดี ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อพนักงานรู้สึกไม่พอใจจากความเชื่อของบุคคลอื่น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่นายจ้างจะต้องรู้วิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้หากเกิดขึ้น

เนื่องจากสถานที่ทำงานมีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น ผู้นำต้องสนับสนุนสภาพแวดล้อมให้มีความเคารพซึ่งกันและกันและอดทนอดกลั้นระหว่างกัน สถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมนั้นส่งผลดีกับทุกคน โดยช่วยให้แต่ละคนเติบโตโดยเรียนรู้จากผู้อื่น เมื่อธุรกิจนำเอาประเพณีและวัฒนธรรมมาสู่สถานที่ทำงาน สมาชิกทีมเรียนรู้ที่จะร่วมยินดีเปิดรับความแตกต่างกันของแต่ละคน เรื่องดังกล่าวส่งผลให้มีประสิทธิภาพด้านการผลิตเพิ่มขึ้นและมีส่วนช่วยในการสร้างทีม ให้พนักงานมีเหตุผลในการลาพักจากการทำงานหนักเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันหยุดต่างๆ

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงความคิดเห็นในที่นี้เป็นของผู้เขียนดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพจนี้จะแนะนำธีมใหม่ทุกเดือน ซึ่งจะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราได้ที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

16/09/2557 จาก Smallbiztechnology.com

ความหลากหลายทางเชื้อชาติมีความหมายอย่างไรต่อบริษัทขนาดเล็ก (มาก)

บล็อกนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมในเดือนกันยายน ซึ่งเน้นความหลากหลายของธุรกิจขนาดเล็ก ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

การมีแรงงานที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติเป็นเรื่องที่ท้าทาย สำหรับธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ และทั่วโลกก็เช่นกัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากความหลากหลายนี้ คุณต้องคิดในหลายๆด้าน

บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งต้องปฏิบัติตามองค์กรและคำสั่งเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติของรัฐบาล

บริษัทเหล่านั้นมีพนักงานจำนวนมากที่สามารถที่จะยอมรับการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งทางด้านประสบการณ์และตัวบุคคล

แต่ธุรกิจที่ชาญฉลาด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ก็ไม่ได้มองความหลากหลายทางเชื้อชาติว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เป็นโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จ ความแตกต่างกันของภูมิหลัง วัฒนธรรม และการอบรมเลี้ยงดูของพนักงาน คือความได้เปรียบทางกลยุทธ์ที่คุณสามารถนำมาใช้ได้

เรื่องดังกล่าวทำให้ดูเหมือนว่าธุรกิจขนาดเล็กจะมีความเสียเปรียบ เพราะเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำให้ร้านค้าที่มีลูกจ้าง 5-10 คนให้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหลายราย มักจะหลงผิดจ้างบุคคลที่ตนชอบ และบุคคลที่มีลักษณะคล้ายตนเอง

การเลือกพนักงานจากฐานข้อมูลผู้สมัครที่มีความเหมือนกันนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า ฉันค้นพบว่าในปัจจุบัน บรรดาประชากรจำนวน 1.3 ล้านคนของเมืองเมน กว่า 96% เป็นคนผิวขาว

ธุรกิจขนาดเล็กทำอะไร

จงคิดให้มากกว่าแค่เรื่องเชื้อชาติ

ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ เมื่อได้ยินคำว่า"ความหลากหลาย"จะนึกถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติ แน่นอนว่านั่นก็เป็นส่วนที่สำคัญ แต่ในความเป็นจริง เชื้อชาติยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญในสหรัฐฯ ในขณะที่ฉันใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการเขียนย่อหน้านี้มีความกังวลว่าคนอาจจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว

ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เจตนาของฉัน

ในการทำงานในร้านเล็กๆ หรือดำเนินธุรกิจในภูมิภาคของโลกที่มีความคล้ายกัน สิ่งนี้ทำให้เราขาดมุมมองเฉพาะภายในธุรกิจ การจะทำให้ธุรกิจแข็งแกร่ง และคล่องตัว เราคิดมากกว่าแค่เรื่องเชื้อชาติ

• ทั้งผู้หญิงและผู้ชายในบริษัทของคุณมีโอกาสเท่าเทียมกันหรือไม่
• สภาพแวดล้อมของบริษัทของคุณให้การต้อนรับพนักงานที่เป็นเกย์ ผู้ที่รักทั้งสองเพศ และคนแปลงเพศหรือไม่
• ทุกคนไปโบสถ์เช่นเดียวกับคุณ หรือมาจากความศรัทธาที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงผู้ที่เชื่อในวิทยาศาสตร์มากกว่าศาสนาหรือไม่
• มีพนักงานของคุณที่เคยทำงานในกองทัพหรือเคยเข้าสู่สนามรบหรือไม่
• พนักงานของคุณทุกคนเติบโตขึ้นในเมืองเดียวกันกับคุณหรือไม่ หรือมาจากทั่วทั้งรัฐ ประเทศ หรือทั่วโลก
• มีคนที่มีประสบการณ์จากบริษัทขนาดใหญ่หรือไม่ มีคนที่เคยมีส่วนร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพมาก่อนหรือไม่ มีคนที่เคยทำงานในองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรหรือไม่
• ทุกคนจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยหรือไม่ มีคนที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยหรือไม่
• มีคนที่ติดสติ๊กเกอร์ของบารัค โอบามา หรือไม่ มีบางคนที่ติดสติ๊กเกอร์ให้ถอดโอบามาออกจากตำแหน่งหรือไม่

นอกจากนี้ คุณมีวัฒนธรรมองค์กรหรือคำขวัญที่แสดงถึงการต้อนรับวิธีความคิดใหม่ๆ "หรือเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาโดยตลอดอยู่แล้วหรือไม่"

คุณเคยเปลี่ยนวิธีการทำในสิ่งต่างๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำกันมาตลอด ตามคำแนะนำของพนักงานใหม่หรือไม่ ทั้งๆ ที่คุณไม่สะดวกใจที่จะทำเลย

จงคิดให้มากกว่าแค่เรื่องพนักงาน

ที่ flyte เรามีพนักงานประมาณ 7-8 คน แต่เราก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการทำงานกับพนักงานอิสระจำนวนมากได้อย่างยอดเยี่ยม

เราคิดเสมอว่าเขาเหล่านั้นเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเรา

คนที่ทำงานให้คุณอาจเป็นมากกว่าแค่พนักงาน โดยอาจจะรวมไปถึงพนักงานอิสระหรือผู้ประสานงานภายนอก คุณอาจะจะพบความหลากหลายในคณะที่ปรึกษาที่คุณแต่งตั้งขึ้นด้วยตัวเอง หรือในกลุ่มที่ปรึกษาที่คุณหามา หรือแม้กระทั่งผู้ฝึกสอนที่คุณจ้าง

ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน คุณสามารถดึงเอากลุ่มที่เชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ มาช่วยคิดแก้ปัญหาที่คิดไม่ตก

คิดถึงเรื่องการทำกิจกรรม

ถึงแม้ว่ากิจกรรมนอกเวลางานอาจจะไม่ทำให้พนักงานของคุณมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ แต่มันจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และทักษะในการแก้ปัญหาให้กับคุณได้อย่างแน่นอน

ในครั้งต่อไป คิดให้มากกว่าแค่การปิกนิกของบริษัท และออกไปทำในสิ่งที่คุณไม่คุ้นเคยดูบ้าง ชวนทีมของคุณไปร่วมงานเต้นรำ หรือการแข่งรถ NASCAR หรืองานแสดงศิลปะ หรือร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิที่อยู่อาศัย หรือการยิงเป้า หรือการแข่งสะกดคำ หรือดูโรงละครชุมชน

และให้คะแนนโบนัสหากพนักงานของคุณมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ

ทำให้ทีมของคุณได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และเปิดกว้างต่อมุมมองอื่นๆ

นำกลับบ้าน

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิธีในการหลีกเลี่ยงการว่าจ้างพนักงานที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ประเด็นก็คือ การจ้าง"พนักงานที่มีลักษณะเหมือนๆ กับคุณ"จะเป็นไปตามกฎการบริหารธุรกิจแบบผลตอบแทนที่ลดลง (Diminishing Return)

หากคุณต้องการความได้เปรียบในการแข่งขัน คุณต้องการแนวความคิดและมุมมองใหม่ๆ หากคุณไม่สามารถหาความหลากหลายทางเชื้อชาติได้ เนื่องจากมีพนักงานไม่มาก หรือกลุ่มผู้สมัครไม่มีความแตกต่างกัน คุณต้องพิจารณาหาความหลากหลายทางเชื้อชาติใหม่ และมีคำนิยามที่กว้างขึ้น

นอกจากนี้ การมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับทีม ก็ทำให้ได้แนวความคิดหลากหลายแบบ

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

16/09/2557 จาก Flyte Blog

บล็อกนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมในเดือนกันยายน ซึ่งเน้นความหลากหลายของธุรกิจขนาดเล็ก ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ถึงเวลาแล้วที่กลุ่มธุรกิจจะต้องเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติ

แค่การพูดคุยเกี่ยวกับวิธีสร้างแรงดึงดูด การสร้างความผูกพัน และการรักษาพนักงานที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาตินั้นไม่เพียงพอแล้ว แทนที่จะทำแบบนั้น เรามาคุยกันดีกว่าว่า ทำไมเราจึงต้องให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเชื้อชาติเป็นอันดับแรก นี่คือ 6 บทเรียนเกี่ยวกับความหลากหลายในองค์กรที่จะสามารถช่วยแบรนด์ วัฒนธรรมของบริษัท และผลประกอบการของคุณให้ดีขึ้นได้

1. ต้องการขยายโอกาสทางการตลาดหรือไม่? ลองพิจารณาความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบคุณมากที่สุด

   หวังว่าคุณจะทราบดีแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร ในขณะที่ธุรกิจของคุณเติบโต คุณจะพบว่าคุณมีกลุ่มเป้าหมายมากกว่าหนึ่ง (ฉันรู้ว่าคุณก็คิดแบบนี้ "แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการค้นพบกลุ่มเป้าหมายแรก") ฉันเข้าใจ แต่ฉันจะพูดอะไรให้ฟัง สิ่งนี้มันยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากเป็นสิ่งที่สนับสนุนการเติบโตใหม่ๆ และทำให้รู้ว่าศักยภาพในตลาดที่แท้จริงเป็นอย่างไร

   ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์และบริการของคุณมีแนวโน้มที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายแรก แต่ก็ยังมีเป้าหมายที่สอง และอาจจะมีเป้าหมายที่สามด้วยเช่นกัน สิ่งที่คุณควรจะเข้าใจก็คือ ผู้ซื้อของคุณมีความหลากหลาย โดยแต่ละกลุ่มมีความต้องการ ความเชื่อ และมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการซื้อสินค้า แม้แต่วิธีการรับข้อมูลข่าวสาร ก็แตกต่างกันออกไป

   เมื่อพูดถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศ และอายุ ให้นึกถึงเรื่องต่อไปนี้ "ชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกัน เอเชี่ยนอเมริกัน และละตินในสหรัฐฯ รวมแล้วมีมูลค่าการใช้จ่ายราวๆ 7.5 แสนล้านดอลล่าร์ต่อปี บริษัทไหนจะไม่อยากเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้? หากคุณเพิ่มส่วนของกำลังซื้อที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มชาวรักร่วมเพศ และกลุ่มประชากรวัยเกษียณเข้าไปในนั้น กลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อมหาศาล" (ที่มา: Experience.com) ในท้ายที่สุด การรับเอาความหลากหลายของฐานลูกค้าของคุณ จะช่วยให้คุณค้นพบโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ คุณจะสามารถทำให้แบรนด์เกิดการขยายตัว และนวัตกรรมที่ถูกขับเคลื่อนโดยลูกค้า

2. ข้อเท็จจริง: แรงงานในสหรัฐมีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น ธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กใช่หรือไม่

   ผลการสำรวจล่าสุดระบุว่า กลุ่มเชื้อชาติต่างๆ ในสหรัฐฯทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในอัตราเร็วกว่าที่ทุกคนได้คาดไว้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เศรษฐกิจที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติจึงเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

   ในความเป็นจริง "ธุรกิจที่เปิดรับความเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ของประเทศ มีความได้เปรียบในทางเศรษฐกิจจากความหลากหลายทางเชื้อชาติรวมไปถึงแรงงานภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจที่ว่าจ้างพนักงานจากแรงงานที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ จะมีโอกาสพบกับผู้ที่ชาญฉลาดและมีความสามารถที่สุด ที่จำเป็นสำหรับเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ด้วยการนำเอาผู้ที่มีภูมิหลัง ความสามารถ และประสบการณ์ที่แตกต่างกันมาอยู่ด้วยกัน ธุรกิจจะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและแนวทางการแก้ปัญหาที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันกันสูงขึ้นได้ดีกว่า" (ที่มา: Center for American Progress) ความงดงามในเรื่องนี้ก็คือ แบรนด์ของคุณจะมีจุดยืนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังประสบความสำเร็จ ซึ่งก็คือความหลากหลายทางเชื้อชาติก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ

3. รื้อฟื้นภาพลักษณ์ของธุรกิจของคุณใหม่ด้วย "การดำเนินการด้านความหลากหลายทางเชื้อชาติ" ให้ขยายตัวไปเกินกว่าแค่การโฆษณาทางการตลาด

   จะแปลกแค่ไหน ที่ต้องอ่านโบรชัวร์ที่พูดสนับสนุนเรื่องหนึ่ง แต่กลับไปมีส่วนร่วมกับธุรกิจที่ทำเรื่องที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ฉันว่าคุณก็คงเคยเห็น พวกรูปภาพตัดต่อของผู้คนที่มีความหลากหลาย (ทำในสิ่งที่แตกต่างกันไป) และมีเขียนคำโฆษณาให้ดูดี จะทำให้คุณคิดว่า "พวกเขาจะเข้าใจฉันจริงๆ… แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ!"

   แต่เมื่อคุณไปยังสถานที่ทำธุรกิจ หรือเข้าเยี่ยมชมธุรกิจออนไลน์ของพวกเขากลับเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากรูปภาพในใบปลิวที่พวกเขาได้ทำการตลาดในตอนแรก สำหรับผู้บริโภค นี่เป็นการตัดความสัมพันธ์ ซึ่งนำไปสู่การไม่ไว้วางใจและความสับสน ดังนั้น ฉันขอร้องล่ะ ช่วยทั้งคุณตัวเองและธุรกิจของคุณด้วยการเพิ่มความหลากหลายในองค์กรของคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่แสดงให้เห็นบนโบรชัวร์ที่มีสีสันฉูดฉาดเหล่านั้น

4. ความหลากหลายในองค์กรเป็นเหมือนกับ "แนวความคิดทางธุรกิจที่ดี" มีผลตอบแทน แต่จะไม่มีค่าอะไรเลย หากไม่ได้ตั้งใจให้มันกลายเป็นความจริง

   แนวความคิดทางธุรกิจที่ดีมีอยู่อย่างหลากหลาย แต่การทำให้มันประสบความสำเร็จนั้นทำได้ยาก การเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมก็เช่นกัน เชื่อที่ฉันพูดได้เลยว่า คุณไม่สามารถเป็นได้ทุกสิ่งสำหรับทุกคน เราต่างก็ทราบในเรื่องนี้ แต่คุณสามารถทำให้ดีที่สุดได้ในการให้บริการแก่ฐานลูกค้าของคุณที่มีความหลากหลาย

   ความหลากหลายก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ในธุรกิจ ที่เป็นเรื่องง่ายแต่มีผลกระทบอย่างมาก คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับคำนิยามของคำว่า "ความหลากหลาย" ให้ดียิ่งขึ้น Julie Kempf ผู้ก่อตั้งและประธานของ JBK Associates แนะนำว่า "นอกไปจากเชื้อชาติและเพศแล้ว ยังรวมไปถึงอายุ ชาติพันธุ์ ศาสนา เพศวิถี ความสามารถทางร่างกายและจิตใจ การระบุเพศ สถานะทางครอบครัว ภาษา และรูปแบบการทำงาน งานแรกที่คุณควรจะต้องทำก็คือกำหนดคำนิยามของความหลากหลายสำหรับองค์กรของคุณ ไม่มีโซลูชั่นเดียวที่สามารถแก้ได้ทุกปัญหา" ขั้นตอนต่อไป ก็คือสร้างการสื่อสารภายนอกและกิจกรรมภายในเพื่อสนับสนุนความชาญฉลาดทางวัฒนธรรม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การเริ่มสื่อสารอย่างที่ตรงกับความจริงที่สะท้อนถึงแบรนด์ของคุณ

5. ธุรกิจที่ดีที่สุดในทุกวงการ จะเปิดเผยความหลากหลายขององค์กร ในทุกจุดที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้

   งั้นเรามาพูดคุยถึงสิ่งที่อยู่ในใจของคุณจริงๆ ดีกว่า นั่นก็คือลูกค้า วิธีที่คุณพูดกับลูกค้าของคุณถือเป็นรากฐานของสื่อของคุณ และจะมีอิทธิพลต่อตำแหน่งทางการตลาดของคุณ หากคุณได้ยินใครพูดเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาด นี่คือองค์ประกอบที่มีความสำคัญมาก สิ่งที่คุณพูด (สารของคุณ) จะบอกกลุ่มเป้าหมายว่าคุณคือใคร คุณมีความแตกต่างอย่างไร และทำไมพวกเขาจึงต้องเลือกคุณ และท้ายที่สุด นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ (ในขณะที่ยึดมั่นกับสิ่งที่แบรนด์ให้คำมั่นสัญญา) ได้สื่อสารหลายๆ สารที่แตกต่างกันในตลาดในเวลาเดียวกัน

   ยกตัวอย่างเช่น หากคุณขายของเล่นให้กับผู้บริโภคโดยตรง คุณมีกลุ่มเป้าหมายสองกลุ่ม ได้แก่ ผู้ปกครองและเด็ก แต่ละสารจะเป็นต้องเหมาะสมกับผู้ที่มีอิทธิพลแต่ละคนในทางที่ไม่ขัดแย้งกัน หรือ หากคุณขายให้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สารของคุณควรจะพุ่งเป้าไปที่แต่ละกลุ่ม หากคุณไม่มั่นใจว่าคุณควรจะทุ่มเทแค่ไหนให้เกิดความหลากหลายในองค์กร คุณควรจะเริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของฐานลูกค้า และเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าในปัจจุบัน หลังจากนั้นจัดลำดับความสำคัญเพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับเป้าหมายของคุณมากขึ้น

   Diana Huff ที่ปรึกษาด้านการตลาดที่มีประสบการณ์ที่ยาวนานได้อธิบายถึงวิธีที่คุณสามารถทำให้ความพยายามด้านการตลาดของคุณทำหน้าที่สองอย่าง ดังนี้ "หากคุณต้องการจะเข้าถึงผู้คนสองกลุ่ม การทำโฆษณาที่มีข้อความที่แตกต่างกัน และทำโฆษณาในสื่อเฉพาะนั้นเป็นเรื่องที่สมเหตุผล หรือ"ใช้ลิงก์ในหน้าแรกของคุณแยกหลายกลุ่มเป้าหมายเป็นเซกเมนต์ต่างๆ"

6. ธุรกิจที่คำนึงถึงความหลากหลายจะเข้าใจว่า หากคุณต้องการตีตลาดให้แตก คุณจะต้องเป็นคนเข้าหาตลาดนั้นๆ

   การให้บริการแก่ฐานลูกค้าที่หลากหลายนั้นมีผลประโยชน์มหาศาล แต่คุณไม่สามารถที่จะให้บริการได้หากคุณไม่สามารถเข้าถึงได้กลุ่มนี้ได้ HR Councilระบุว่า "การเข้าถึงในเชิงรุกและความพยายามในการว่าจ้างที่เน้นไปที่การเพิ่มความหลากหลายอย่างละเอียดอ่อนสามารถที่จะสนับสนุนองค์กรได้เมื่อมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ …"

   คำแนะนำขององค์กรรวมไปถึง การสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มทางวัฒนธรรมและองค์กรที่ทำงานร่วมกับชุมชนที่หลากหลาย การส่งเสริมธุรกิจของคุณให้เป็นสถานที่ที่สามารถทำงานและเชื่อมโยงกับชุมชนของคุณได้ในเชิงจิตอาสา ดังนั้น ให้แสวงหาวิธีในการเข้าถึงตลาดท้องถิ่นของคุณและจ้างงานในวิธีที่นำเสนอการเข้าถึงและเป็นแบบเปิดมากขึ้น

 

ท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างทางผิวสีหรือวัฒนธรรมในเชิงธุรกิจนั้น ได้ก้าวไกลไปกว่ากระแสความต้องการที่จะได้รับการยอมรับของสังคมชนกลุ่มน้อย เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำให้เจ้าของธุรกิจหลายรายเกิดความสงสัยว่า จะนำมาใช้ได้จริงอย่างไรและเกี่ยวข้องกับวิธีในการสร้างฐานการดำเนินงานและชุมชนที่กำลังให้บริการได้อย่างไร ความสำเร็จในเชิงธุรกิจเริ่มต้นได้จากบทเรียนในเรื่องความหลากหลายเหล่านี้ จงเน้นวิธีที่เน้นการปฏิบัติ จงแก้ในสิ่งที่เราพลาด และจงมีความซื่อสัตย์กับตัวเองมากพอในฐานะผู้นำ เพื่อวางพื้นฐานวิถีทางที่ถูกต้องสำหรับอนาคตข้างหน้า

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

6 หลักเกณฑ์ในการสร้างวัฒนธรรมทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมความหลากหลายในธุรกิจขนาดเล็กประจำเดือนกันยายน ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจ พนักงาน ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ฉันได้เห็นการซาบซึ้งในวัฒนธรรมและคุณค่าอีกครั้งของธุรกิจในปัจจุบัน นี่อาจจะเป็นเพียงอีกตัวอย่างของธรรมชาติในการเติมเต็นในส่วนที่หายไป แต่ฉันชอบที่จะคิดว่า มันเป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติของชุมชนสังคมออนไลน์ที่กระจายไปทั่วซึ่งผู้คนมีความเกี่ยวข้องและคาดหวังที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่ตนเองชอบ คนเหล่านี้เป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด ไม่ใช่ผู้ที่แค่ตอบรับตามกระแส

Ann Rhoades ระบุในหนังสือ Built on Values ของเธอว่า "คุณค่าของคุณในขณะที่คุณก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ คือหัวใจที่สำคัญของในการสร้างวัฒนธรรมที่น่าดึงดูดต่อลูกค้าได้มากขึ้น" ฉันเห็นด้วยกับเธอ ตอนที่เธอพูดว่า "คุณต้องทำให้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก"เนื่องจากความประทับใจในครั้งแรกนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และการเปลี่ยนคุณค่าและวัฒนธรรมของคุณในสายตาของลูกค้าและพนักงานนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง

ฉันเชื่อในวัฒนธรรมของบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความจริงใจ สตาร์ทอัพที่ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์กับลูกค้า และผลลัพธ์ที่ได้มา Ann ได้ให้ตัวอย่างหลักเกณฑ์พื้นฐานคร่าวๆ 6 ประการที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างวัฒนธรรม หรือเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในปัจจุบันเพื่อปรับปรุงผลตอบแทนทางการเงิน ความพึงพอใจของลูกค้า และประสิทธิภาพของพนักงานให้ดียิ่งขึ้นดังนี้

1. วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่คุณบังคับไม่ได้ คุณทำได้เพียงแต่สร้างสภาพแวดล้อม ทุกวัฒนธรรมคือการรวบรวมของทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นความสามารถในการเป็นผู้นำ คุณค่า ภาษา ขั้นตอน ผู้คน กฎเกณฑ์ และเงื่อนไขอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ที่พบได้ภายในองค์กร ไม่มีผู้นำคนไหนสามารถ "สร้างวัฒนธรรมได้"สามารถสร้างได้เพียงแค่สภาพแวดล้อมที่จะอำนวยให้วัฒนธรรมที่ต้องการเกิดขึ้นและขยายตัว

2. เราสามารถเห็นถึงจิตใจของคนอื่นได้ หากเราดูความประพฤติของเขา บริการที่คุณนำเสนอต่อลูกค้าของคุณจะไม่มีทางยอดเยี่ยมไปกว่าบริการที่คุณนำเสนอต่อพนักงานของคุณเอง คุณไม่สามารถบังคับให้พนักงานปฏิบัติต่อลูกค้าให้ดีได้หากพวกเขาเองรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากหัวหน้างาน ให้จ้างพนักงานที่มีความหลากหลาย แต่มีมุมมองที่เหมาะกับวัฒนธรรมที่คุณต้องการ และดูแลพวกเขาในแบบเดียวกัน

3. ความสำเร็จก็คือการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ในการกำหนดคุณค่าและพฤติกรรมของคุณด้วยการทำในสิ่งที่ถูกต้อง คุณจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นและช่วยให้ทุกคนในแนวหน้าสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง การเพิ่มคุณภาพของคนและให้การศึกษาในแบบที่ถูกต้องในแง่การตัดสินใจ จะนำไปสู่ความพอใจของลูกค้าและความสำเร็จของธุรกิจ

4. ผู้คนส่วนใหญ่จะทำในสิ่งที่ถูกกระตุ้นให้ทำ คุณค่าที่คุณแสดงออกจะถูกรับรู้เพียงผิวเผินและไร้ความความหมายหากคุณไม่คำนึงถึงการจ่ายผลตอบแทนและรางวัลตามพฤติกรรมที่ควบคู่ไปกับคุณค่า การจ้างเฉพาะบุคคลที่มีคุณค่าเหล่านี้และปลดคนที่ขาดสิ่งนี้ไปออกต้องใช้ความมุ่งมั่นและความความกล้าอย่างมาก

5. ให้มาก = ได้มาก องค์กรของคุณจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่พนักงานเต็มใจที่จะใส่ให้กับองค์กร จงสื่อสารคุณค่าของคุณให้บ่อย และใช้มาตรวัดประสิทธิภาพบนพื้นฐานคุณค่าในการวัดผลลัพธ์ของคุณ วัดระดับของการนำไปใช้ พัฒนาความเป็นผู้นำ และวางแผนต่อไป

6. สภาพแวดล้อมที่คุณต้องการสามารถสร้างได้จากความแตกต่าง คุณค่าทางกลยุทธ์ และความรับผิดชอบทางการเงิน การดำเนินการอย่างมีสติ เริ่มต้นจากการตัดสินใจเกี่ยวกับคุณค่าร่วมกันและส่งเสริมความหลากหลาย สามารถที่จะกำหนดเงื่อนไขในการกระตุ้นวัฒนธรรมที่ช่วยให้บริษัทสตาร์ทอัพกลายเป็นผู้นำได้ คุณค่าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อตัดสินใจในเรื่องที่ยากๆ แต่ก็มีประโยชน์มากในการเป็นแสงส่องทางไปข้างหน้า

ธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นเพียงธุรกิจเดียวเท่านั้นที่สามารถกำหนดวัฒนธรรมและคุณค่าของตนเองได้ เพราะได้มีโอกาสเริ่มต้นจากศูนย์ คุณค่าขององค์กรเริ่มต้นและออกมาจากตัวคุณ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง คุณค่าของคุณไม่ควรเป็นแค่เพียงสิ่งที่คุณอ้างในคำแถลงของคุณ (หากคุณมี) คุณค่าเป็นตัวกำหนดวัฒนธรรมจากการใช้ชีวิตของคุณและอยู่ในแนวหน้าของการดำเนินการในแต่ละวัน

กลยุทธ์มีความสำคัญ แต่หากไม่มีวัฒนธรรมที่ปลูกฝังคุณค่าที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า กลยุทธ์ก็จะพาคุณไปได้ไม่ไกล ผู้นำที่ดีมีความสำคัญ แต่คุณจะต้องมีวัฒนธรรมที่มีคุณค่าที่เป็นบวกด้วย เพื่อที่จะดึงดูดผู้นำที่ดีที่สุดและแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้นำผลักดันคุณค่าขององค์กร คุณค่าขององค์กรผลักดันพฤติกรรม พฤติกรรมผลักดันวัฒนธรรม และวัฒนธรรมผลักดันประสิทธิภาพ การมีประสิทธิภาพสูงทำให้เกิดผู้นำรายใหม่ นี่เป็นวัฏจักรความเป็นเลิศที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับทุกคนภายใต้องค์กรที่จำเป็นต่อทุกธุรกิจสตาร์ทอัพในการประสบความสำเร็จ คุณไม่สามารถรอให้มีสิ่งนี้เกิดขึ้นเองได้ ดังนั้นคุณจะต้องลงมือผลักดันให้มันเกินขึ้น โดยมีวัฒนธรรมที่เหมาะสมในเวลาที่รวดเร็วที่สุด

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

06/09/2557 จาก Startup Professionals Musings

11 เคล็ดลับในการรับคนที่เหมาะสมเข้ามาทำงานให้กับคุณ – การว่าจ้าง& การมอบหมายงานอย่างมืออาชีพ

โพสต์ในบล็อกนี้เขียนขึ้นมาสำหรับ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมความหลากหลายในธุรกิจขนาดเล็กประจำเดือนกันยายน ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ความสามารถของคุณในการขยายธุรกิจมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความสามารถของคุณในการว่าจ้างพนักงานที่เหมาะสม เลือกตัวแทนอย่างมีประสิทธิภาพและลงทุนเวลาในกิจกรรมที่ทำให้เกิดรายได้ วันนี้ ฉันจะแชร์สิ่งที่ต้องทำก่อนที่คุณจะจ้างพนักงานให้คุณทราบ พร้อมทั้งวิธีการทำงานกับพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพหลังจากที่ได้ตกลงว่าจ้าง

ย้อนกลับไปเมื่อฉันยังคงเป็นนักศึกษา ฉันได้รับมอบหมายให้อ่านหนังสือชื่อ 'One Minute Manager Meets The Monkey' สิ่งที่ได้มาจากหนังสือก็คือ งานทุกอย่างในบริษัทของคุณควรจะทำขึ้นไปจากระดับที่ต่ำที่สุดที่เป็นไปได้ ในธุรกิจมี "ลิง" เป็นจำนวนมาก เคล็ดลับคือการเฟ้นหาว่าใครในธุรกิจต้องเป็นจะต้องจัดการกับฝูงลิง

หากคุณเป็นเจ้าของหรือซีอีโอ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) คุณจำเป็นต้องมีคนอื่นมาทำงานของลิงตัวนั้นที่ทำให้คุณเสียเวลาไปทั้งวัน คุณควรจะใช้เวลาไปกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเนื้อหา และการสร้างรายได้ หากคุณมีบริษัทที่มีคุณเพียงคนเดียว คุณอาจจะคิดว่าคุณต้องทำทุกอย่าง นั่นเป็นความคิดที่ผิด ถึงแม้คุณจะรู้สึกว่าไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างผู้ช่วยได้เต็มเวลาหรือแม้กระทั่งนอกเวลา ให้หาบุคคลที่มีบทบาทสำคัญมาช่วยคุณเป็นแต่ละโครงการๆ ไป สำหรับฉัน ฉันจ้างผู้รับเหมา นอกจากนี้ฉันยังจ้างนักศึกษาในฐานะนักศึกษาฝึกงานและแม้กระทั่งวัยรุ่นเพื่อนบ้านให้ช่วยทำในสิ่งต่างๆ เช่น ช่วยส่งไปรษณีย์แค็ตตาล็อก งานด้านการบริหารโซเชียลมีเดีย และอย่างอื่นที่พวกเขาสามารถทำได้ในระดับความรู้ของพวกเขา ฉันจ้างบุคคลอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่าสำหรับงานที่มีความละเอียดอ่อนมากขึ้น เช่น การเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ การขาย การทำสัญญาที่สำคัญกับองค์กรต่างๆ การสร้างแบบฟอร์มการรับอีเมล การโพสต์ลงในบล็อกของฉัน เป็นต้น

ถึงแม้คุณจะรู้สึกว่า นี่ไม่เกี่ยวข้องกับระดับของธุรกิจของคุณในปัจจุบัน โปรดอ่านต่อไป เมื่อคุณพร้อม คุณจะสามารถมอบหมายงานได้อย่างมืออาชีพและใช้เวลาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คุณต้องทำอะไรก่อนที่จะจ้างใครสักคนหนึ่ง:

1. เขียนรายละเอียดคำบรรยายลักษณะงาน นี่เป็นโพสต์สำหรับคุณ เช่นเดียวกับโพสต์บน Craigslist หรือแม้กระทั่งบนเฟซบุ๊ก คิดเกี่ยวกับกิจกรรมประจำวัน ประจำสัปดาห์ และประจำเดือน ที่บุคคลนี้จะต้องทำเป็นประจำ คิดเกี่ยวกับงานที่ทำเพียงครั้งเดียว หรือที่ไม่ใช่งานประจำ ที่บุุคคลนี้จะต้องบริหารจัดการ ด้วยทักษะที่ระบุไว้ข้างต้น ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือต่อเดือน ที่จะปฏิบัติตามรายการทั้งหมดนี้ให้ลุล่วง? คุณเต็มใจที่จะจ่ายในราคาเท่าไหร่ เพื่อแลกกับเวลาเหล่านั้น? หากคุณไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นเรื่องนี้ที่ตรงไหน ให้ทำบันทึกทุกสิ่งที่คุณทำเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังสิ้นสุดสัปดาห์นั้น อ่านทบทวนและทำเครื่องหมาย 'K' สิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องทำด้วยตัวเอง และเขียน 'D' ถัดจากสิ่งที่คุณสามารถให้คนอื่นทำแทนได้

2. ลองคิดว่า คุณจะทำอะไรกับเวลาของคุณหลังจากที่งานต่างๆ เหล่านั้นมีคนทำแทนแล้ว นี่สำหรับคุณ ต้องรู้เสมอว่าเวลาที่ได้มา คุณสามารถทำอะไรได้บ้าง คุณจะได้มีแรงกระตุ้นอยู่เสมอ และที่สำคัญต้องทำให้ผู้ช่วยของคุณรู้หน้าที่ของตนเองว่าต้องทำอะไรบ้าง บันทึกสิ่งนี้เอาไว้ ตัวอย่างเช่น คุณจะทำอะไรกับเวลาของคุณในทุกวันจันทร์ หากผู้ช่วยของคุณทำหน้าอัปเดตบล็อกแทนคุณ

3. การสัมภาษณ์และการจ้างงาน ส่วนนี้เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล คุณได้ว่าจ้างบุคคลที่มีความเหมาะสม และมีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถตัดสินในเรื่องนี้ได้ สิ่งเดียวที่ฉันสามารถให้คำแนะนำได้ก็คือ การทำงานหนัก แรงผลักดัน และความเต็มใจที่จะเรียนรู้ นั้นมีค่ามากกว่าเรซูเมแผ่นนึงเสียอีก

4. คำนึงถึงช่วงทดลองงาน ฉันได้จ้างพนักงานแบบสัญญาจ้างต่อโครงการ เพื่อดูว่าฉันสามารถทำงานร่วมกับพนักงานรายนั้นได้หรือไม่ ฉันอยากจะทราบจริยธรรมในการทำงานของพวกเขาและดูว่าเราเข้ากันได้หรือไม่ ฉันอยากจะทราบว่าเขาแก้ปัญหาอย่างไร และเมื่อไหร่ (และด้วยวิธีใด) ที่พวกเขาจะขอความช่วยเหลือเมื่อติดขัด หากฉันชอบในสิ่งที่ฉันเห็น ฉันจะจ้างเป็นพนักงานประจำ

ต้องทำอย่างไรหากคุณพบกับคนที่เหมาะสมที่จะรับ "ลิง" ต่อจากคุณ

ไม่ว่าคุณจะใช้ลูกคนข้างบ้าน ผู้รับเหมา หรือ VA นี่คือเคล็ดลับสำหรับความสัมพันธ์แบบที่ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์

1. กำหนดตารางประจำ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานจากที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน (ออฟฟิศ) ของคุณได้ ฉันถามพนักงานทั้งหมดของฉันเรื่องชั่วโมงการทำงาน จะได้ทราบว่าฉันจะสามารถโทรหาได้เมื่อไหร่ และพวกเขา "เข้าทำงาน" เมื่อไร นอกจากนี้ ฉันยังอยากให้พวกเขาปฏิบัติกับงานนี้เหมือนกับงานนี้เป็นงานจริง ไม่ใช่เพียงแค่บางอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ "เมื่อมีเวลา" ชั่วโมงทำงานช่วยได้

2. หากพวกเขาเป็นคนในพื้นที่ให้พวกเขามาที่บ้านของคุณอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ หรือเดือนละครั้ง และทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ของคุณ (หากเป็นงานออฟฟิศ) เพื่อคุณจะได้เห็นว่า พวกเขาทำงานอย่างไร และเพื่อให้คุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่พวกเขารู้สึกมีความกล้าที่จะถามคำถาม นอกจากนี้ ยังเป็นแนวความคิดที่ดีที่จะได้เห็นว่า การทำงานประจำให้เสร็จนั้นต้องใช้เวลานานแค่ไหน คุณจะได้กำหนดงบประมาณได้อย่างเหมาะสม ต้องมั่นใจตลอดเวลาว่า "ลิง" ตัวที่ใช่นั้นอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมในธุรกิจของคุณ

3. Google คืออัญมณี ทำบัญชีรายการการทำงานของพนักงาน (เป็นงานประจำวัน สัปดาห์ และเดือน) บน Google Drive ซึ่งคุณสามารถที่จะอัปเดตได้ทุกที่ทุกเวลาและพนักงานของคุณสามารถเขาไปดูได้ตลอดเวลา แทนที่จะลบงานทิ้ง ฉันย้ายไปไว้ในแท็บ "เสร็จสิ้น" แทน ฉันชอบติดตามประวัติการทำงานอยู่เสมอ "บัญชีรายชื่องาน" ออนไลน์ที่ดีจะมีคอลัมน์คำอธิบาย คอลัมน์วันครบกำหนด และคอลัมน์วันเสร็จสมบูรณ์ และคอลัมน์หมายเหตุหรือคำถาม ซึ่งนั่นจะช่วยให้พนักงานของคุณได้รับคำสั่งที่มีรายละเอียดและช่วยให้คุณมีที่สำหรับเขียนรายการต่างๆ ที่คุณต้องการให้พวกเขาทำ หากคุณใช้อีเมลในการสื่อสารเกี่ยวกับรายการที่ต้องทำ บางอย่างอาจจะถูกลืมได้ หากคุณใช้เอกสารเวิร์ด พนักงานอาจจะทำงานตามรายการเก่าๆ บางบริษัทใช้ซอฟต์แวร์และแอปสำหรับการทำงานร่วมกัน

4. Angella Johnson ซึ่งเป็นเพื่อนของฉันเคยกล่าวว่า "มอบหมาย อย่าทิ้งและบังคับ" การมอบหมายงานคือการสื่อสารเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการและทำให้แน่ใจว่ามีการเข้าใจสาระสำคัญที่มอบหมายก่อนที่จะมอบงานให้ (หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถดูได้ในบทความนี้)

5. ใช้เวลาในการแสดงให้เห็นถึงภาพรวม ช่วยให้พนักงานของคุณทราบว่างานของพวกเขาช่วยให้บริษัทสามารถทำอะไรได้บ้างและจะเป็นอะไรได้บ้าง ช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่า เรื่องนี้จะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นได้อย่างไรและการส่งมอบหน้านี้ที่ให้ มีความหมายต่อคุณอย่างไร ช่วยให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีส่วนช่วยทำในบางอย่างที่ยอดเยี่ยมและพวกเขาจะรู้สึกดีที่ได้ทำงานให้กับคุณ

6. ค้นหาแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ของพวกเขาให้เจอ ที่นอกเหนือไปจากเงิน พวกเขาต้องการคำชมเชยหรือบัตรคอนเสิร์ต พวกเขาต้องการโบนัสสำหรับการทำงานพิเศษหรือต้องการให้สาธารณะรับรู้หรือไม่? พนักงานทุกคนต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่าของตนมากพอ กับที่เขาต้องการผลตอบแทน

7. กำหนดความคาดหวังและโอกาสในการอธิบาย รวมถึงการลงเวลาทำงาน ที่องค์กรของฉัน เรามีการประชุมพนักงานเป็นประจำ ฉันทำให้แน่ใจว่าเรามีวัตถุประสงค์ที่ตรงกัน ถามว่าฉันจะบริหารพวกเขาให้ดีขึ้นได้อย่างไร และเราก็กำหนดวัตถุประสงค์สำหรับการพัฒนาประสิทธิภาพนั้น Thomas Monson กล่าวไว้ว่า "เมื่อมีการประเมินประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพนั้นก็จะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น" เห็นคุณค่าในธุรกิจของคุณให้มาก โดยการพบปะกับพนักงานของคุณอยู่เป็นประจำ

มันไม่มีคู่มือสำหรับการว่าจ้างผู้ช่วยและการว่าจ้างพนักงานอยู่หรอก เช่นเดียวกับการแต่งงาน หากคุณคาดหวังว่าบางอย่างจะต้องเป็นแบบนี้ คุณอาจจะผิดหวังอย่างแรงก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี หากคุณทราบว่า ความสำเร็จของธุรกิจของคุณขึ้นอยู่กับการทำงานทุกงานในระดับที่เหมาะสม คุณจะพบบุคคลที่เหมาะสมที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

28/08/2557 จาก Startup Princess

คำแนะนำเกี่ยวกับความสัมพันธ์…สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในธุรกิจขนาดเล็กของคุณประจำเดือนสิงหาคม ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ความสัมพันธ์คือส่วนที่สำคัญที่สุดของการสร้างธุรกิจ

ฉันจะให้เหตุผลว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงมีความสำคัญยิ่งกว่ารายได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและการกระทำที่แข็งแกร่งสามารถไปด้วยกันได้ดี

ก่อนที่ฉันจะเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในธุรกิจ ฉันจะระบุข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบดังนี้ ฉันไม่ได้เพอร์เฟค! ฉันก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ไปได้ไม่สวยนัก การบอกว่า ฉันได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมายจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา คงจะถือว่าน้อยไป

ตรงกันข้ามกับสิ่งที่หลายคนเชื่อ (แม้กระทั่งหลายคนที่ฉันรู้จัก) ฉันอาจจะปิดกั้นตัวเองเกินไปในเรื่องความสัมพันธ์ และนั่นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับความสัมพันธ์ทางธุรกิจของฉันในปัจจุบัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป มีครั้งหนึ่งที่ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันเพียงเพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นๆ โดยพูดว่า "ตกลง" ต่อทุกคำขอที่ส่งมายังโต๊ะของฉัน และกลัวว่าผู้คนจะคิดกับฉันอย่างไรหากฉันไม่สามารถทำตามคำขอได้

ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า การระมัดระวังว่าฉันจะใช้พลังงานของฉันไปกับใคร ทำให้ฉันได้พยายามอย่างสุดความสามารถให้กับความสัมพันธ์ที่ฉันมีกับชุมชนนี้และลูกค้าของฉัน เมื่อฉันใช้พลังงานหมดไปกับการทำในสิ่งที่ฉันไม่ต้องการจะทำ ให้กับคนที่ฉันไม่อยากจะทำให้ ฉันก็หมดพลังงานสำหรับความสัมพันธ์ที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันไป นอกไปจากครอบครัวและเพื่อนสนิทแล้ว ความสัมพันธ์ที่มีความหมายมากที่สุดที่ฉันพยายามจะสร้างมาตลอด ก็คือความสัมพันธ์กับลูกค้า พนักงาน และชุมชนของฉัน

คุณและลูกค้า

วิธีที่คุณบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณอาจจะทำให้คุณประสบความสำเร็จหรือทำให้คุณหมดตัวเลยก็เป็นได้ ข้อหลังคือสิ่งที่เกือบจะเกิดขึ้นกับฉันในช่วงแรกของการทำธุรกิจ

ฉันทุ่มเทให้กับลูกค้าของฉันอย่างมาก และฉันก็ไม่สามารถกำหนดขอบเขตเวลาของฉันและขอบเขตของโครงการที่ฉันจะทำได้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะได้มากกว่าตามที่เราตกลงกันไว้ ซึ่งปกติโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และทำให้ข้อยกเว้นเหล่านั้นกลายมาเป็นความคาดหวังที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ มีบางคนที่ฉันเคยทำงานด้วยแล้วให้ฉันรู้สึกแย่ และฉันไม่ต้องการที่จะมีความรู้สึกที่แย่แบบนั้นอีกในการทำธุรกิจ

เคล็ดลับของฉันสำหรับความสัมพันธ์กับลูกค้า: ฝึกอบรมลูกค้าของคุณ

ถูกต้องแล้ว ฝึกอบรมลูกค้าของคุณ นั่นหมายความว่าวิธีที่ดีที่สุดคือทุกๆ คนมีความเข้าใจตรงกัน ไม่ว่าจะมีความคาดหวังในการทำงานร่วมกัน หรือความสัมพันธ์ที่ถูกต้องจากจุดเริ่มต้น หลังจากที่ความคาดหวังเหล่านั้นที่ได้กำหนดไว้ลงตัวแล้ว ตัวของฉันได้เปิดกว้างและฉันให้กับมันเต็มที่เสมอ

คุณ + พนักงาน

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อตั้ง/ผู้จัดการ/เจ้านาย และพนักงานของเขา คือ หัวข้อโต้แย้งที่ต้องมีการดำเนินงานอย่างถึงพริกถึงขิง ในแวดวงของผู้ริเริ่มโครงการที่ฉันเข้าไปมีส่วนร่วม อะไรคือ การใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินไป อะไรคือ การห่างเหินจนอาจจะดูเหมือนการไม่ใส่ใจ อะไรคือสิ่งที่ไม่เหมาะสมอะไรเหมาะสม อะไรไม่เหมาะสม? ทีมของฉันคือธุรกิจครอบครัวของฉัน และเมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาร่วมทีม ฉันจะเข้าร่วมทำงานด้วยกันตั้งแต่แรกและจะใส่ใจเต็มที่

คุณต้องให้ความเชื่อมั่นกับบุคคลที่คุณว่าจ้าง คอยรับโทรศัพท์เสมอ โดยเฉพาะทางวิดีโอจะดีกว่า ก่อนที่จะจ้างใครสักคน เมื่อคุณได้สนทนาแบบเห็นหน้ากันแล้ว คุณจะรู้สึกได้ว่าคนที่คุณจ้างนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ เมื่อฉันได้สัมภาษณ์ใครสักคน ธงแดงที่มีอยู่เหล่านี้อาจจะส่งผลให้ผู้สมัครคนดังกล่าวไม่ได้งานในตำแหน่งนั้นๆ:

ข้อควรระวัง #1 การมาปรากฎตัวช้า

ถ้ามีใครบางคนมาสัมภาษณ์ช้า คนๆ นั้นจะมีโอกาสได้รับการจ้างงานค่อนข้างน้อย แน่นอนว่าหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น การแจ้งให้ทราบล่วงหน้าจักเป็นที่ขอบคุณ การมาช้าโดยที่ไม่มีเหตุผลที่ดีแสดงให้เห็นว่าขาดความกระตือรือร้นกับตำแหน่งงานดังกล่าว

ข้อควรระวัง #2 ""อันที่จริง ฉันอยากทำงานจากที่บ้าน""

เนื่องจากเราทำงานกับเจ้าของธุรกิจและคนอื่นๆ เป็นจำนวนมาก เราจึงได้รับการสมัครงานจากคนที่ต้องการทำงานจากที่บ้านเป็นจำนวนมาก ในการสัมภาษณ์ ฉันรู้สึกได้ว่าผู้ที่ต้องการทำงานจากที่บ้านนั้นจะมองออกง่ายกว่าคนอื่นๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่ทัศนคติในแบบที่ฉันจะสามารถจัดการได้ ใครก็ตามที่ต้องการทำงานแม้จะอยู่ในที่ไกลๆ ตามความเป็นจริงแล้วคนๆ นั้นแค่ต้องการทำงานจากที่บ้านและไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับบริษัทฯ หรือภารกิจของบริษัท ก็จะไม่ได้รับการพิจารณา

ข้อควรระวัง #3 รู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทน้อยมาก

ฉันมักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับบริษัทและภารกิจของบริษัทเพื่อที่จะดูว่ามีผู้สมัครรายใดได้ค้นคว้าหาข้อมูลเหล่านี้มาบ้าง ฉันยังคงรู้สึกแปลกใจที่มีคนเป็นจำนวนมากไม่ได้ใส่ใจเรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทที่เขากำลังจะไปสมัครเพื่อทำงานด้วย ถ้าผู้สมัครรู้เกี่ยวกับบริษัทน้อย ฉันก็จะให้ความสนใจเกี่ยวกับผู้สมัครคนนั้นน้อยเช่นกัน

คำแนะนำในเรื่องของความสัมพันธ์ของพนักงานของฉัน คือ ฉันได้เรียนรู้ที่จะไม่สนใจในเรื่องของความคิดเห็นที่มีข้อแย้งกันในเรื่องนี้ แต่จะพึ่งพาสัญชาตญาณของฉัน ฉันแนะนำให้คุณทำเหมือนกัน

คุณ + ชุมชนของคุณ

She Takes on the World Inc. ซึ่งเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ฉันต้องการทำให้ชัดเจนว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมไม่จำเป็นว่าจะต้องไม่แสวงหากำไรเหมือนที่ผู้คนจำนวนมากเข้าใจ พวกเราคือบริษัทที่แสวงหากำไรได้ แต่จะให้ความสำคัญในเรื่องของรายได้ที่ปรับเปลี่ยนได้ และความยั่งยืน ที่เราสามารถใช้กำไรที่ได้มานั้น แบ่งสันปันส่วนออกมาทำการกุศลได้ใน 3 เสาหลัก ซึ่งเราได้ให้ความสนใจ: การเรียนรู้เกี่ยวกับการเป็น ผู้ประกอบการ การศึกษา และการให้ความรู้และความเชื่อมั่น

ดูความสำเร็จของ The Conquer Club และ The Concord เป็นตัวอย่าง ความคิดของฉันคือ เรามีความสามารถที่จะช่วยสร้าง The Conquer Academy ในแทนซาเนียในฤดูร้อนนี้ การเปิดโรงเรียนนี้ คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด และฉันแทบจะรอไม่ไหวที่จะไปเยี่ยมเยียนในปีหน้านี้ โครงการแบบนี้คือเหตุผลที่เรา"ยังคง"ทำงานอย่างหนักเพื่อขยายบริษัทนี้ให้เติบโตต่อไปเรื่อยๆ

คำแนะนำของฉันในเรื่องของความสัมพันธ์กับชุมชน คือ หาวิธีในการร่วมทำงาน และใช้ธุรกิจในการทำงานคืนให้กับสังคม ในทางที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นแนวร่วมในงานส่วนตัวและคุณค่าทางธุรกิจ

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับข้อแนะนำในความสัมพันธ์นี้ที่ฉันได้รับจากการเป็นนักเรียนในหลักสูตรมหัศจรรย์ หลักสูตรนี้เกี่ยวกับเรื่อง ไม่มีความสัมพันธ์ใดคืออุบัติเหตุ และจะมีบทเรียนที่เราควรเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในชีวิตของเรา หรือความสัมพันธ์ของธุรกิจของเรา

แต่ละความสัมพันธ์ก็เปรียบเหมือนกระจกบานใหญ่ เพราะฉะนั้นจงมองภาพสะท้อนที่คุณกำลังมองอยู่นี้ให้ดี

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

28/08/2557 จาก She Takes on the World

แบบฝึกหัดการสร้างทีม

คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจขนาดเล็กเพียงลำพัง เราได้รวบรวมทรัพยากรในการสร้างแบบฝึกหัดการสร้างทีมเพื่อช่วยให้คุณแนะนำ มอบหมายและพัฒนาความคล่องแคล่วของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราได้ร่วมมือกับผู้ก่อตั้ง www.Create-Learning.com ซีอีโอ ไมเคิล คาดุส ผู้ทำงานร่วมกับบริษัท ทั้งเล็กและใหญ่ ในการปรับความสามารถของทีมให้เหมาะสม รวมเป็นแบบฝึกหัดทั้งสองชุดไว้ให้คุณ

• วงล้อการฝึกสอนนี้คือทรัพยากรสำหรับการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ ถ้าคุณและทีมของคุณสามารถใช้การตัดสินใจที่เหมือนกันได้ ก็มีแนวโน้มว่าคุณจะมีข้อสรุปและเป้าหมายร่วมกัน
• เครือข่ายสังคมออนไลน์แบบไร้สาย ให้คุณได้ติดต่อกับสมาชิกในทีมของคุณทั้งเรื่องธุรกิจ และเรื่องส่วนตัว คุณอาจจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของคุณที่คุณไม่ได้รู้มาก่อน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ทีมของคุณใกล้ชิดกันมากขึ้น

ลองดูแบบฝึกหัดเหล่านี้ได้ที่นี่ และดูว่าพวกเขาสามารถทำประโยชน์ให้กับทีมของคุณได้อย่างไร

28/08/2557 จาก Visa Business

การว่าจ้างเพื่อความสำเร็จ: 4 สิ่งที่เราค้นหาและหลีกเลี่ยงในการจ้างงานใหม่

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในธุรกิจขนาดเล็กของคุณประจำเดือนสิงหาคม ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

เพื่อให้แน่ใจว่าผู้สมัครคนต่อไปคือสมาชิกคนสุดท้ายในทีม สิ่งที่สำคัญคือคุณควรจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณควรจะมองหาในเรซูเม่ นี่คือบางสิ่งที่คุณควรจะมองหา และหลีกเลี่ยง เมื่อการจ้างงานใหม่เกิดขึ้น

สำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต ความสำเร็จส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลและการรักษาคนที่มีความเหมาะสม แต่แม้ว่าจะมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ประโยชน์ได้สำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก คนส่วนมากก็ยังทำข้อผิดพลาดอย่างมหันต์ในเรื่องของการจ้างคนที่ไม่เหมาะสม เวลาที่ใช้ไปกับการสัมภาษณ์และวิจัยผู้สมัครที่หลากหลาย เพื่อที่จะหาคนที่มีความเหมาะสมนั้น จะคุ้มค่ามาก ถ้าสามารถช่วยให้ธุรกิจจำนวนมากไม่ต้องเสียเงินเป็นร้อยเป็นพันดอลลาร์ไปกับการฝึกอบรมที่สูญเปล่า และเสียผลผลิต

พิจารณาประเภทของงาน

ก่อนเริ่มค้นหางาน ขอให้รู้แน่ถึงประเภทของบุคลิกภาพที่คุณกำลังค้นหา ถ้ามีคนพยายามอย่างหนักในการหางานในทุกๆวัน คุณมีแนวโน้มที่จะหาคนที่มีประสบการณ์ในประวัติการทำงาน บุคลิกภาพในการสัมภาษณ์ และที่จริงการมีอีโก้นิดหน่อยก็เป็นเรื่องที่ดี ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าต้องการผู้ทีมีหน้าตาดี มีความอดทนสูง และผู้ที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ร้อนระอุให้บรรเทาลงได้ แต่ถ้าคุณต้องการจะค้นหาคนที่สามารถจัดการการสื่อสารผ่านตัวอักษร และสามารถรับมือกับงานประจำวันของธุรกิจ คุณได้ อาจจะต้องหาข้อมูลที่คุณต้องการในประวัติการทำงาน ด้วยการหาข้อผิดพลาดเล็กๆ ที่แสดงให้ว่าบุคคลคนนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญ

เพราะว่าการจ้างงานที่แย่นั้นอาจนำไปสู่ความฟุ่มเฟือย เพราะฉะนั้นธุรกิจจะต้องพิจารณาในการทดสอบผู้สมัครก่อนที่"จะพิจารณาว่าเหมาะสม"จะจ้างงาน บริษัทการจัดการผู้มีความสามารถ Caliper ได้ให้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับบุคลิกลักษณะของผู้สมัคร และทำการจับคู่กับงานที่คนๆ นั้นทำอยู่ เพื่อพิจารณาดูว่า นี่เป็นงานที่"เหมาะสมที่สุด"สำหรับคุณหรือยัง แคโรลีน ครัมมี่ เจ้าของ VirTasktic ตอนที่อยู่ตำแหน่งเดิม คือ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ สำหรับบริษัทตัวแทนผู้ผลิต ได้ใช้บริการนี้เป็นระยะเวลาหลายปี และแนะนำให้ธุรกิจขนาดเล็กให้ลงทุนขนาดเล็กก่อนการจ้างงาน "เราใช้การทดสอบ Caliper ในทุกๆ การจ้างงาน จากผู้ขายภายนอกสู่การบริการลูกค้าไปสู่การบริหารจัดการ เพราะแม้ว่าเราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การทดสอบความสามารถ แต่เราก็ไม่สามารถกำหนดบุคลิกภาพ ซึ่งเป็นส่วนที่ซับซ้อนของการจ้างคนให้เหมาะสมกับงานได้ การลงทุนขนาดเล็กที่เราทำขึ้นเริ่มแรกก็คุ้มค่าดี ไม่เพียงแต่ช่วยเราจากการจ้างงานที่ผิดพลาด แต่ยังช่วยเราในการพัฒนาบุคคลที่เราว่าจ้างไปแล้วด้วย เพราะว่าเราจะรู้ว่าจุดอ่อนจุดแข็งของเขาอยู่ที่ไหน และเราก็สามารถเรียนรู้ตัวอย่างจากข้อมูลเหล่านี้ได้"

ไม่ควรรีบด่วนตัดสินใจ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้ข้อตักเตือนต่อต้านการจ้างคนที่ว่างงานเป็นเวลานาน หรือคนที่เปลี่ยนงานบ่อยๆ ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน การว่าจ้างผู้จัดการ เราพบเจอกับปัญหานี้บ่อยขึ้น เราไม่ควรเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แต่ให้พิจารณาหาเหตุผลสำหรับประเด็นการจ้างงานเหล่านี้แทน จะได้ทำให้ความกังวลของคุณลดลง บุคคลนี้เป็นคนที่ลาออกจากงานเพื่อโอกาสที่ดีกว่า หรือเขาแค่กำลังมองหาโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะก่อให้เกิดในระยะยาว

จงมองหาความหลงใหล

ในกระบวนการการตรวจสอบประวัติการทำงานและการสัมภาษณ์ผู้สมัคร ให้ดูว่าผู้สมัครนั้นมีความหลงใหลมากน้อยแค่ไหน กับสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาเคยทำมา ไม่ว่าคุณกำลังจะจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลมืออาชีพ หรือผู้จัดการด้านการตลาด คุณควรเสาะหาใครบางคนที่มีความหลงใหลในสายงานที่จะทำ คุณสามารถพิจารณาสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการตั้งคำถามในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับตำแหน่งในอดีตที่ผ่านมาของผู้สมัคร ถ้ามีบางคนไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้ ก็แสดงว่าเขาไม่ผ่านการคัดเลือกนี้

กำหนดความน่าสนใจ

หนึ่งข้อผิดพลาดที่นายจ้างทำคือการทึกทักเอาว่าการสัมภาษณ์งานเป็นกระบวนการแบบทางเดียว ในขณะที่คุณคัดกรองผู้สมัครว่ามีความเหมาะสมกับทีมของคุณหรือไม่ ผู้สมัครก็ต้องให้ความสนใจในองค์กรและงานนั้นๆ เช่นกัน  ในระหว่างการสัมภาษณ์ ผู้สมัครควรจะต้องทำให้เห็นว่าเขาได้ใช้เวลาในการหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท และเชื่อในรูปแบบโครงสร้างของธุรกิจของคุณ นอกจากนี้ผู้สมัครควรตั้งคำถามและแสดงตัวว่าตนมีความเหมาะสมกับธุรกิจนี้ เช่นเดียวกับคุณ

การมีทีมงานที่ดีเป็นส่วนจำเป็นในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ในการหาคนที่เหมาะสมเข้ามาอยู่ในทีมของคุณ ให้ใช้เวลาเรียนรู้ทัศนคติของเขา และต้องแน่ใจว่าพนักงานใหม่ก็มีความหลงใหลในการทำงานของธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้นนี้เหมือนกับคุณ

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

27/08/2557 จาก Smallbiztechnology.com

ผู้สมัครที่คุณสัมภาษณ์ คุณห้ามรับเป็นอันขาด และนี่คือสาเหตุว่าทำไม

บล็อกนี้ถูกเขียนไว้สำหรับ Visa Business ในการเป็นส่วนหนึ่งของธีมงานเดือนสิงหาคม เรื่องการดูแลความสัมพันธ์ของธุรกิจขนาดเล็ก ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

เหมือนว่าคุณเคยได้ยินสุภาษิตแล้ว ที่ใดที่มีควัน ที่นั่นย่อมมีไฟ นี่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงของการเกิดไฟป่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันยังคงแสดงให้เห็นถึง"ผู้สมัครงานที่คุณรู้สึกว่ามีบางอย่างที่คุณไม่แน่ใจอยู่" อย่าพลาดเคล็ดลับสำคัญเหล่านี้ ที่จะทำให้คุณรู้ว่า นี่คือสัญญาณอันตรายที่คุณห้ามรับคนๆ นี้เข้าทำงานเด็ดขาด เพราะความหายนะอาจจะเกิดขึ้นตามมาได้

ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กส่วนมาก ตระหนักว่าการมีการตรวจสอบที่เหมาะสมในการจ้างงานใหม่นั้นสำคัญแค่ไหน ก่อนที่พวกเขาจะได้รับการว่าจ้าง เป็นเรื่องจริงที่ โดยเฉพาะหากคุณเคยประสบกับสิ่งเหล่านี้ คุณจะรู้ว่าการทำงานเป็นไปได้ยากแค่ไหน ไหนจะคำวิจารณ์ จนในที่สุดก็ต้องปลดพนักงานที่ทำงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานออกไป ระยะเวลาการทดลองงานนั้นยอมรับได้ แต่พวกเขาจะไม่ควรแทนที่การตรวจสอบสถานะกิจการ ในการกำจัดการจ้างงานที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่แรก

ถ้าคุณคิดว่าสามารถรับมือกับมันได้ ก็ขอให้คุณโชคดี และพยายามที่จะหาคนใหม่มาแทนได้เลย แต่เราอยากให้คุณคิดอีกครั้ง ตามศูนย์เพื่อความก้าวหน้าของอเมริกา ค่าใช้จ่ายธุรกิจประมาณหนึ่งในห้าของเงินเดือนแรงงาน ถูกใช้ไปเพื่อทดแทนแรงงานคนดังกล่าว สำหรับธุรกิจที่ประสบกับอัตราการลาออกในระดับสูง ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น "ผลการศึกษาอ้างถึงค่าใช้จ่ายในการทดแทนแรงงาน เพราะว่าความสามารถในการผลิตต้องเสียไปเมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งออกจากงาน ค่าใช้จ่ายในการจ้างและฝึกอบรมพนักงานใหม่ และความสามารถในการผลิตที่ช้าลง จนกว่าพนักงานใหม่จะได้เข้ามาทำงาน"

ค่าใช้จ่ายของอัตราการลาออกของพนักงานนั้นสูงมาก ผู้ประกอบการ วิลเลียม จี บลิส ประธานของบริษัท บลิส &แอสโซซิเอท อธิบายว่า" มูลค่าเวลาและผลิตผลที่ต้องสูญเสียนั้น สำคัญไม่น้อยไปกว่าต้นทุนที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายสำหรับบริการต่างๆ เช่น การโฆษณา หรือการรับพนักงานชั่วคราว ค่าใช้จ่ายเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงสำหรับนายจ้าง"

เพราะฉะนั้นควรจะว่าจ้างพนักงานที่เหมาะสมซะตั้งแต่แรกดีกว่า ต้องขอบคุณผู้สมัครบางคนที่ได้แสดงออกถึงคุณสมบัติที่ไ่ม่เป็นที่ต้องการตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่เหมาะสำหรับบริษัทของคุณ มี 3 ส่วนหลักๆ ของสัญญาณอันตรายที่ควรระวังระหว่างกระบวนการจ้างงานและการสัมภาษณ์:

1. โอกาสที่จะสูญเสียหรือเสียหายมีอยู่มาก

   พนักงานที่ไม่ดีจะทำให้เกิดข้อขัดแย้งและบั่นทอนกำลังใจในที่ทำงาน อย่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ทิม กูลด์ "แนะว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลือกคนมาทำงาน เพราะพวกเขาสามารถทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนเหล่านี้ไม่ได้ทำความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงอะไร พวกเขามักจะทำงานในหน้าที่ได้ดีเสมอๆ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้ถูกเรียกให้มาอธิบายถึงสาเหตุการกระทำของตนเองบ่อยครั้งนัก แต่เหมือนไวรัสที่แอบทำงานอยู่เบื้องหลังโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ความเป็นกรดที่กัดกินเป้าหมายและผลกำไรของบริษัท สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ปีแล้วปีเล่า"

   สิ่งนี้ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของความไม่ไว้วางใจ เพราะนั่นก็ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นคนที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ในทางกลับกัน พนักงานที่ประสบความสำเร็จจะมีทัศนคติเชิงบวกในการเรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นผู้ให้การสนับสนุนที่ดีอีกด้วย ในขณะที่บรรยากาศที่ไม่ดีในที่ทำงานนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะฉะนั้นนั่นเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรเพิกเฉย

2. และเขาก็คงไม่ได้รู้ตัวว่าผิดด้วยซ้ำ

   ในระหว่างการสัมภาษณ์ คำถามการสัมภาษณ์ปลายเปิดจะเป็นคำถามที่ดีที่สุด สิ่งนี้ทำให้ผู้สมัครได้มีโอกาสแสดงความเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ และพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ก่อนการทำงาน ถ้าผู้สมัครตำหนิผู้อื่นอย่างรวดเร็ว และไม่ได้นึกถึงเลยว่าเป็นความผิดของตนเอง สิ่งนี้จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน ในการทำธุรกิจ ไม่มีใครหรอก ที่ไม่เคยผิดพลาด การโทษคนอื่นไปมาเพื่อซุกซ่อนพฤติกรรมที่แย่ๆ และผลักความรับผิดชอบ ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับวัฒนธรรมของบริษัทไหนเลย

   ผู้ให้การสนับสนุนด้านจิตวิทยา คุณ เอลเลียต ดี โคเฮน อธิบายว่า "หนึ่งในสิ่งที่ทำลายงานอดิเรกของมนุษย์คือ การโทษคนอื่นไปมา มันมีหลายเหตุผลจากการเสียชีวิตจากสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตจากการขับรถโดยประมาท โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์มีความหงุดหงิดและเศร้าใจ (สังคม ครอบครัว และงาน)" อย่างไรก้ตาม การมีความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจทั้งดีและไม่ดีในที่ทำงาน คือสัญญาณของการเป็นผู้ใหญ่และการรู้จักตนเอง ถ้าพนักงานที่คุณกำลังจะจ้างมีนิสัยที่ดูเหมือนจะชอบสั่งคนอื่น คุณก็ควรที่จะเปลี่ยนพนักงานคนที่คุณกำลังจะจ้างเช่นกัน

3. การขาดแรงผลักดันและความทะเยอทะยานจะเห็นได้ชัด

   พนักงานที่ดีที่สุดจะหางานที่มีคุณค่าและท้าทาย พวกเขาจะพิจารณาในการฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้ดีและเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ทัศนคติเชิงบวก ความขยัน และผลงานอันน่าประทับใจนั้นชัดเจนมาก แต่หากไม่มีความกระตือรือร้น ไม่มีความขยัน และมีผลงานน้อย ก็ยากที่จะมองเห็น

   ถ้าผู้สมัครต้องการที่จะหาเพียงแต่เก้าอี้ที่ว่างลงเท่านั้น ควรที่จะให้ธงแดง อย่างไรก็ตาม ธงแดงชนิดนี้ง่ายต่อการเพิกเฉยหากคุณต้องแค่ใครสักคนมาเติมเต็มผังองค์กรที่ว่างเปล่า ในขณะที่คุณเองก็ไม่ควรจะเอางานที่ไม่ยุติธรรมและไม่เหมาะสมมาโยนให้พนักงานคุณทำ แต่ผู้สมัครงานก็ควรที่จะแสดงออกถึงความกระตือรือร้นกับการได้ทำงานที่มีความท้ายทายและมีความรับผิดชอบที่สูงขึ้น

   ถ้าพวกเขารู้สึกอึดอัดเวลาที่ถามให้แสดงความคิดเห็นในสถานที่ทำงาน หรือพวกเขาพูดหลบหลีก ถ้าพวกเขาแลดูอึดอัดเวลาที่คุณขอให้เขาแสดงความคิดเห็นในสถานที่ทำงาน หรือพวกเขาชอบพูดทำนองแบบว่า "ฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้ "หรือ"มันเป็นไปไม่ได้"แน่นอนที่สุด นี่คือเสียงเตือนภัยที่คุณควรจะใช้เหตุและผลเป็นการตัดสิน เรื่องของเรื่องก็คือ คุณควรจ้างพนักงานที่สามารถก้าวข้ามปัญหาต่างๆ โดยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อคุณเจอกับคนที่แสดงให้เห็นถึง"พฤติกรรมที่พร้อมจะยอมแพ้"ตั้งแน่เนิ่นๆ คนพวกนี้อาจจะสร้างปัญหาให้กับองค์กรคุณในอนาคต สร้างปัญหาอย่างเดียวไม่พอ เขาอาจจะทำให้ศักยภาพของพนักงานคนอื่นๆ ลดลงตามไปด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว ก่อนที่คุณจะทำข้อเสนอ คุณควรรู้ว่าคุณได้ทำการตรวจสอบความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการปกป้ององค์กรของคุณ หากว่าครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ผิด และถ้าคุณคิดว่าธงแดงเหล่านั้นไม่เป็นอันตราย พิจารณาเรื่องต่อไปนี้เผื่อไว้ก่อนเลย อุปสรรคและเงินที่จะต้องใช้ในการออกจากตลาด การรับคนเข้ามาใหม่ การสัมภาษณ์งาน การจ้างพนักงาน จัดปฐมนิเทศ การฝึกอบรม การสูญเสียความสามารถในการผลิต ความไม่พอใจของผู้บริโภค ยอดขายลดลงหรือสูญหาย ต้นทุนค่าบริหารจัดการ และอื่นๆ อีกมากมาย

การเข้าถึงบล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Visa Business และผู้จัดทำบล็อกจะได้รับค่าตอบแทนในการจัดทำจากวีซ่าในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นเพียงฝ่ายเดียวของผู้จัดทำบล็อกนี้ ไม่ใช่ของวีซ่า เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

19 สิงหาคม 2557 จากนิตยสาร YFS

เพิ่มรายได้และอิสระให้กับตัวเอง โดยการจ้างคนรับช่วงที่เหมาะสม ทำอย่างไร?

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในธุรกิจขนาดเล็กของคุณประจำเดือนสิงหาคม ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

เจ้าของธุรกิจทั้งหลายจะมีคุณลักษณะประเภท เอ และฉันก็เช่นเดียวกัน เราต้องการที่จะควบคุมทุกอย่างตลอดเวลา ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เราคิดว่าไม่มีใครที่จะทำได้ดีเหมือนกับเรา ช่างโชคร้าย ความคิดประเภทนี้ทำให้คุณกักตัวอยู่กับแค่ธุรกิจของคุณ และทำให้รายได้ของคุณไม่ขยับไปไหน

ข้อสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เราไม่จ้างคือ เรามีเงินไม่มากพอ ในความเป็นจริง ถ้าคุณจ่ายเงินให้ใครบางคน $15 - $50 ต่อชั่วโมง และคุณเรียกชั่วโมงเหล่านั้นคืนด้วยการสร้างรายได้เท่าตัวจากอัตรานั้น เงินรายได้ของคุณก็เพิ่มขึ้น และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน ยิ่งฉันจ้างคนมากเท่าไร ฉันก็สามารถทำเงินได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าได้มีเวลาให้ตัวเอง มุ่งเน้นกับสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุด และถ้าคุณไม่สามารถที่จะหามันได้จริงๆ การแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริการนี้

ความจริงก็คือคุณไม่ใช่ยอดมนุษย์ คุณไม่สามารถทำมันได้ทั้งหมด และสุดท้ายรายได้ของคุณก็ถึงจุดที่จะขยับไปที่ไหนไม่ได้แล้ว เพราะคุณขาดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เมื่อฉันเปลี่ยนจากสิ่งที่ฉันเคยทำทั้งหมดเพียงคนเดียว ไปสู่การจ้างงานที่ช่วยเหลือฉันได้ และทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไป รายได้ของฉันมากขึ้นตามอัตราส่วนของเงินที่เสียไปกับการว่าจ้างภายนอกที่ทำมาเป็นปีๆ

ตัดสินใจว่าอะไรคือสิ่งที่ควรผลักออกไป

หนึ่งในผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดในการจ้างคนภายนอกคือ คุณจะใช้ความสามารถของคนให้เป็นประโยชน์ได้มากที่สุดเท่าที่คุณต้องการสำหรับการทำงานนี้ให้เสร็จ ฉันมีกลุ่มของผู้รับจ้าง 14 คน ที่ฉันได้ทำงานด้วย บางคนทำงานกับฉันอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บางคนจะทำงานเป็นโครงการๆ ไป ฉันมีผู้ช่วยเสมือนจริงอยู่มากมาย ผู้ออกแบบเว็บไซต์ เจ้าหน้าที่ด้านไอที ผู้เชียวชาญด้านเทคโนโลยีเว็บ ที่สามารถจัดการกับปัญหาและสร้างแนวทางการแก้ปัญหาได้เอง เพราะว่าฉันได้ตีพิมพ์หนังสือ ฉันได้ทำสัญญาโครงการกับบรรณาธิการหลายๆคน นักออกแบบหนังสือ และผู้เชี่ยวชาญในการทำดัชนีหนังสือ ฉันยังทำงานกับนักเขียน นักวิจัยและคนทำบัญชี จริงๆ แล้ว การทำบัญชี เป็นการว่าจ้างงานแรกของฉัน เมื่อตอนที่ฉันกลายเป็นนักธุรกิจเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ฉันเกลียดการจัดการกับตัวเลขมาตลอด และจะเป็นการดีถ้าจะจ้างคนอื่นมาจัดการเรื่องนั้นทั้งหมด

ถ้าหากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานที่จะจ้างบุคคลภายนอก ข้อพิจารณามีดังต่อไปนี้

• งานที่คุณดูแล้วไม่ชอบหรือไม่สนุก (จริงๆ แล้ว สิ่งนี้นี่ล่ะ คือการปลดปล่อย!)
• งานที่คนอื่นอาจจัดการแทนคุณได้อย่างง่ายดาย (เหมือนกับเอกสารงานธุรการ)
• การจัดการข้อมูลเว็บไซต์
• ปฏิทิน/ตารางการจัดการ
• บิล การส่งของ หรือ การรับของ
• การบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ เว็บ หรือ อีเมล
• การจัดการสื่อสั่งคมออนไลน์
• งานที่คุณคิดว่าคนอื่นไม่สามารถทำได้

ความจริงก็คือถ้าคุณทำได้ คนอื่นก็ทำได้เช่นกัน ถ้าคุณไม่สามารถหาคนที่มีทักษะอย่างที่ต้องการ ง่ายๆเลยคือคุณจะต้องลงทุนในการฝึกอบรมผู้สมัคร และคุณก็จะเสียการควบคุม ที่คุณไม่อยากเสียมันไป

การจ้างงานและการจัดการคนให้ถูกกับงาน

ท้ายที่สุดฉันก็ได้เรียนรู้ว่า คุณจะต้องมีความชัดเจนในสิ่งที่คุณต้องการจะบรรลุ ให้กับแต่ละคนที่คุณจ้าง ฉันพบกับผู้ช่วยเสมือนจำนวนมาก ในปีแรกของการจ้างงานคนจากภายนอก เพราะว่าฉันมัวแต่จ้างคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ฉันต้องเริ่มด้วยการกำหนดบทบาทและงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นจึงจับงานให้เข้ากับ คนที่มีทักษะที่เหมาะสม การที่สามารถดูออกว่าคนไหนเหมาะกับงานไหน จะเปลี่ยนเกมส์การทำงานของคุณไปเลย

คุณเป็นบทบาท่สำคัญของความสำเร็จต่อคนที่คุณว่าจ้าง คุณจะต้องเป็นผู้นำ และผู้นำที่ดีต้องสามารถให้แนวทางและความคาดหวังที่ชัดเจน ตามหลักการแล้ว คุณควรจะบันทึกกระบวนการของคุณไว้ ฉันมีไฟล์ที่มีเอกสารที่ครอบคลุมทุกอย่างที่ฉันได้ทำมา และอธิบายขั้นตอนที่เกียวข้อง จากวิธีการรับมือกับผู้ซื้อ จนไปถึงขั้นตอนในการโพสต์เนื้อหาในเว็บไซต์ของฉัน เอาข้อมูลนี้ไปให้กับผู้ที่ได้รับการจ้างงานใหม่จะทำให้ชีวิตในการทำงานสำหรับพวกคุณทั้งสองง่ายขึ้น

จากนั้น คุณจะต้องคอยวัดผลและปรับตามที่เหมาะสม ฉันเลือกที่จะจัดการกับผู้คนในแบบที่ฉันก็คงอยากให้คนปฏิบัติกับฉันแบบนี้เช่นกัน ซึ่งหมายถึง ฉันให้การยกย่องและขอบคุณสำหรับงานที่ทำได้ดี ฉันได้จัดการประเด็นต่างๆอย่างชัดแจ้งและนุ่มนวล และฉันก็ไม่เคยจู้จี้จุกจิก ถ้างานของผู้รับเหมาต้องการการดูแลจากฉันเป็นอย่างมากเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง นั่นคือสิ่งบ่งชี้ว่าเขาคนนั้นไม่เหมาะสมกับทีมฉัน ในกรณีนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือก้าวต่อไปและจ้างคนอื่นแทน

แค่ทำมันให้เกิดขึ้น (คุณจะขอบคุณฉันภายหลัง)

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือธุรกิจของฉันจะไม่สามารถอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่มีทีมงานที่มีความสามารถที่ช่วยทำให้ทุกสิ่งเป็นจริงได้ ในความจริงแล้ว ฉันก็สูญเสียสิ่งที่สำคัญอย่างมากไป (การจากไปของสามีฉันแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน) และถ้าไม่ใช่เพราะทีมของฉัน ธุรกิจของฉันคงจะพังไปแล้ว ผู้ช่วยของฉันมาดูแลแทน เพื่อที่ฉันจะได้หาเวลาในการเยียวยา ฉันไม่อยากจะคิดเลย ว่าฉันจะจัดการกับปัญหาได้อย่างไรเมื่อไม่มีพวกเขา

โปรดจำไว้ว่า พวกเราหลายคนได้ก้าวสู่ธุรกิจเพื่อหาความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงิน แต่เมื่อคุณมองมันเป็นเพียงแค่แรงงานเท่านั้น คุณจะไม่มีอิสรภาพ และรายได้ของคุณสุดท้ายก็จะไม่ก้าวหน้าไปไหน การจ้างงานจะให้คุณได้รับอิสรภาพที่คุณควรจะได้รับ และช่วยให้คุณมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ในการหาผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ โปรดถามหรือหาคำแนะนำได้ หรือ เยี่ยมชม Elance.com Odesk.com หรือ IVAA.org

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

กระชับความสัมพันธ์ผ่านคณะผู้แทน

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในธุรกิจขนาดเล็กของคุณประจำเดือนสิงหาคม ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

สร้างบัญชีรายชื่อ Twitter ในการสร้างความสัมพันธ์ที่กลายเป็นยอดขาย

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในธุรกิจขนาดเล็กของคุณประจำเดือนสิงหาคม ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

การสร้างและการรักษาความสัมพันธ์ให้คงไว้คือหัวใจหลักในกลยุทธ์การประกอบธุรกิจขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จ ความจริงแล้ว การส่งเสริมในความสัมพันธ์ของธุรกิจขนาดเล็กได้ให้ความได้เปรียบในการแข่งขันที่เป็นเอกลักษณ์

โชคดีที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินมากมายในการสร้างและรักษาไว้ซึ่งการติดต่อระหว่างลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่มีศักยภาพ ยกตัวอย่าง คุณได้ใช้บัญชีรายชื่อ Twitter ในการติดตามประเภทของบุคคล เนื้อหา หรือเข้าร่วมการสนทนาที่เกี่ยวข้อง

นี่คือ 5 วิธีการที่คุณจะเริ่มใช้รายชื่อใน Twitter เพื่อสร้างความสัมพันธ์แล้วเปลี่ยนมาเป็นยอดขาย

1. มีส่วนร่วมกับผู้ที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้า

   ในการเริ่มต้น สร้างบัญชีรายชื่อผู้ใช้ Twitter ที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ลูกค้าเป้าหมายของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องติดตามพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ต้องติดตามคุณ ในกรณีที่คุณเพิ่มพวกเขาลงในบัญชีรายชื่อ Twitter ทั้งเปิดเป็นสาธารณะหรือส่วนตัวก็ตาม

   คุณสามารถตรวจสอบทวีตที่โพสต์โดยผู้ใช้นั้นๆ และร่วมสนทนาหากมีความเหมาะสม ห้ามขาย เพิ่มข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสนทนา และเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นยอดขายได้ในภายหลัง

2. การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบัน

   คุณสามารถสร้างบัญชี Twitter สำหรับลูกค้าปัจจุบันและตรวจดูข้อคำถาม การอ้างถึง ฯลฯ

   หากมีลูกค้าปัจจุบันของคุณให้ข้อคิดเห็นที่เป็นบวกกับธุรกิจของคุณ ควรขอบคุณเขาเสมอ แม้ว่ามันจะเป็นข้อความที่เป็นลบก็ตาม! แม้พวกเขาไม่เพิ่มชื่อผู้ใช้ของคุณใน Twitter แต่คุณจะเห็นทวีตของเขา ถ้าคุณได้เพิ่มเขาลงในรายชื่อ

3. ตรวจตราดูคู่แข่ง

   อย่ากลัวในการสร้างบัญชี Twitter ส่วนตัวในการตรวจตราดูคู่แข่ง คุณจะไม่เคยรู้เกี่ยวกับโอกาสที่คุณจะได้

   ใช้บัญชีรายชื่อ Twitter ต่อไปในการตรวจดูแบบส่วนตัว แต่รายชื่อที่คุณจะต้องการใช้ให้ใช้มันในทางที่จะจดจำบุคคลอื่นอย่างเป็นสาธารณะ

4. ฟังและสื่อสารกับผู้ฟังอื่นๆ ในการตลาดแบบปากต่อปาก

   จำไว้ว่า รายชื่อ Twitter สามารถใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ได้กับผู้คนที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ที่คุณสร้างผ่าน Twitter นั้นมีรายชื่อของชุมชนท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพลออนไลน์ของกลุ่มเป้าหมายของคุณ หรือนักข่าวผู้ที่เขียนงานเกี่ยวกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ ที่จะนำมาซึ่งการตลาดแบบปากต่อปากอันจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

5. การลงทะเบียนใช้บัญชีรายชื่อที่สร้างโดยผู้ใช้ Twitter รายอื่นๆ

   คุณสามารถติดตามรายชื่อสาธารณะอื่นๆ ที่สร้างโดยผู้ใช้ Twitter รายอื่นๆ ได้ ด้วยการเลือกโปรไฟล์จากรายชื่อที่ผู้ใช้เหล่านั้นได้สร้างขึ้น เมื่อคุณหารายชื่อที่คุณชอบได้แล้ว จึงไม่เป็นที่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่อีก แค่กดปุ่มลงทะเบียน คุณก็จะมีสามารถตรวจดูรายชื่อนั้นได้

   พึงระลึกไว้เสมอว่า เมื่อคุณลงทะเบียนในรายชื่อนั้น มันอาจจะเปิดเผยบัญชี Twitter ของคุณเป็นสาธารณะ ถ้าคุณไม่ต้องการให้ใครก็ตามรู้เกี่ยวกับบัญชีรายชื่อที่คุณลงทะเบียนไว้ คุณจำเป็นต้องสร้างบัญชีรายชื่อของคุณขึ้นมาใหม่และตั้งค่าให้เป็นส่วนตัว

   จะสามารถใช้บัญชีรายชื่อ Twitter เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการแปรเปลี่ยนเป็นยอดขายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กได้อย่างไร ฝากความคิดเห็นไว้ด้านล่างและร่วมแบ่งปันเคล็ดลับของคุณ

บล็อกนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visa Business และผู้เขียนได้รับค่าตอบแทนเวลาจากวีซ่าสำหรับการร่วมแบ่งปันมุมมองของตนลงในโพสต์นี้ การแสดงมุมมองในที่นี้เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของวีซ่าแต่อย่างใด เข้าเยี่ยมชม http://facebook.com/visasmallbiz เพื่อเข้ามาดูข้อมูลหน้า Facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีที่มาจาก Visa Business เพจดังกล่าวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา อ่านเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจรายอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน รวมทั้งค้นหาเคล็ดลับเพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกๆ เดือน เพจดังกล่าวจะนำเสนอธีมใหม่ที่จะเน้นไปที่หัวข้อที่สำคัญต่อความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับเคล็ดลับและคำปรึกษาเพิ่มเติม และข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของวีซ่า โปรดติดตามเราที่ @VisaSmallBiz และเข้าเยี่ยมชม http://visa.com/business

ผู้ก่อตั้งธุรกิจขนาดเล็กทุกคนต้องการที่ปรึกษา

โพสต์บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ Visa Business ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีมการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในธุรกิจขนาดเล็กของคุณประจำเดือนสิงหาคม ทุกๆ เดือน Visa Business จะเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและนำเสนอแนวความคิดที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้การดูแลธุรกิจของคุณ พนักงานของคุณ ลูกค้าของคุณ และตัวคุณเอง เข้าเยี่ยมชม Well Sourced by Visa Business ในหน้า Facebook ของเรา เพื่อค้นหาการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเชิงลึก และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ